วันที่ 12 กรกฎาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ น้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก หลังจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล น้ำไม่มีเข้าเขื่อนส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เขื่อนแควน้อยเหลือน้ำเก็บกักในเขื่อนเพียง 100.730 ล้านลูกบาศก์เมตร ( ล.ลบ.ม. ) จากปริมาณน้ำที่สามารถรับได้ 939 ล้าน ลบ.ม. หรือ ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 10.73 % จากความจุของตัวเขื่อน น้ำสามารถใช้การได้ เพียง 57.730 ล้าน ลบ.ม. หรือ 6.15 % เท่านั้น
นายสมหวัง ปารสุขสาร ผู้อำนวยการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน กล่าวยอมรับว่า ในปีนี้สถานการณ์ในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนแควน้อยเหมือนในปีที่ผ่านมาเลย คาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ฝนจะเริ่มตกลงมา และช่วงกลางเดือนฝนจะตกชุกเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่น้ำในเขื่อนสามารถใช้การได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฏาคมเช่นกัน โดยพื้นที่เพาะปลูกของเขื่อนแควน้อยในปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูก 155,166 ไร่ แต่ปัจจุบันสำรวจพบว่ามีเกษตรกรลงมือปลูกผลผลิตไปจำนวน 145,780 ไร่ ขอรับรองว่าทางเขื่อนแควน้อยและชลประทานได้บริหารจัดการน้ำอย่างเต็มที่ให้ผลผลิตทั้งหมดรอดจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เพียงขอความร่วมมือเกษตรกรให้ใช้น้ำอย่างประหยัด และอย่าตื่นตระหนกว่าน้ำจะวิกฤตจนไม่เพียงพอ จนดึงน้ำเก็บกักไว้จะส่งผลกระทบโดยภาพรวม หากใครยังไม่เพาะปลูก ก็ขอให้เลื่อนการเพาะปลูกออกไปก่อน เพื่อลดความเสียหาย
นายสมหวัง กล่าวว่า สำหรับน้ำอุปโภคบริโภค ทางกรมชลประทานให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ รองลงมาคือการช่วยเหลือด้านการเพาะปลูก นอกจากนี้เพื่อให้เขื่อนแควน้อยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ได้มีการประสานขอให้ทางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงบินมาทำฝนหลวงเหนือเขื่อนอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ แต่ด้วยสภาพความแห้งแล้ง ก้อนเมฆน้อย ทำให้ประสิทธิภาพการทำฝนหลวงลดลง ฝนตกในพื้นที่น้อยมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ชาติตระการ อ.นครไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปริมาณน้ำจะไหลเข้าเขื่อนแควน้อยฯแทบไม่มีฝนตกเลยในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ทางเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีความมั่นใจว่าจะสามารถจัดสรรน้ำได้เพียงพอ เพราะกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าฝนจะเริ่มตกชุกในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่น้ำสามารถใช้ได้อีก 1 เดือน การที่ฝนมาล่าช้า คาดว่าจะเหมือนปี 2553 ที่พอถึงเวลาฝนก็จะตกจนน้ำก็เต็มอ่างเหมือนเดิม ทุกวันนี้ทางเขื่อนยังคงมีการระบายน้ำเฉลี่ย 20 ลบ.ม./วินาที ให้พื้นที่ชลประทานฝั่งซ้ายและฝั่งขวา และปล่อยลงช่วยน้ำน่าน 13 ลบ.ม./วินาที นับเป็นการบริหารจัดการน้ำภายในเขื่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและ ช่วยเหลือประชาชนให้มีน้ำใช้ได้อย่างเพียงพอ
เขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นอ่างเก็บน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ตั้งในพื้นที่ ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เป็นเขื่อนที่สามารถเก็บกักน้ำได้ 939 ล้าน ลบ.ม. โดยมีพื้นที่ผิวน้ำที่ระดับเก็บกักประมาณ 38,368 ไร่ ประกอบด้วย 3 เขื่อนติดต่อกัน ได้แก่• เขื่อนแควน้อย ลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งดานหน้าคอนแกรีตสูง 75 เมตร ยาว 570 เมตร เขื่อนสันตะเคียน ลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวสูง 80 เมตร ยาว 1,270 เมตร เขื่อนปิดช่องเขาขาด ลักษณะเป็นเขื่อนดินสูง 23 เมตร ยาว 790 เมตรประโยชน์ของโครงการ ส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกในฤดูฝนและฤดูแล้งให้แก่พื้นที่ชลประทานแควน้อย 155,166 ไร่ และส่งน้ำเสริมการเพาะปลูกในฤดูแล้งของโครงการชลประทานเจ้าพระยาประมาณ 250,000 ไร่ ส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ประมาณ 47.3 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี บรรเทาความเสียหายจากอุทกภัยในเขต จ.พิษณุโลกและลุ่มแม่น้ำแควน้อยตอนล่าง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพิษณุโลก