เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. 58 พระครูศรีรัตนากร เลขาอำเภอเมืองพิษณุโลก หัวหน้าพระวินยาธิการ โดยมีคณะพระสงฆ์วินยาธิการจำนวนหนึ่งร่วมปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ในช่วงเช้าวันเดียวกันพระปลัดอุดมศักดิ์ อุตมสฺกโก รองเจ้าอาวาสวัดวัดท่ามะปราง และเป็นพระวินยาธิการ อ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่ง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยทุกเช้าจะมาบิณฑบาตที่บริเวณตลาดใต้เป็น โดยจะเดินวนเวียนไปมาภายในตลาดสดนานร่วม 2 ชั่วโมง และยืนรอรับบางจุดจนได้รับสิ่งของถึงจะเดินออกไป 
หลังได้รับแจ้ง คณะสงฆ์พระวินยาธิการ ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบทันที จึงทำให้ทราบว่าพระรูปดังกล่าวชื่อพระสมปอง ฉายาสีลอโร อายุประมาณ 60 ปี เคยถูกจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่ห้องเช่าพักชั่วคราว ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.เมืองพิษณุโลกและมีปริมาณแอลกอฮอล์ลถึง 210 มิลลิกรัมเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา จึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าวอยู่ห่างๆ กระทั่งเวลาผ่านไปพระสมปองได้นั่งรถโดยสารไปตามเส้นทาง ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก โดยมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ก่อนลงจากรถโดยสารที่หน้าวัดยางกระใดบึงชะเรียงวนาราม ม.6 ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ทางคณะสงฆ์พระวินยาธิการ ได้ประสานพระครูสุธรรมบุญกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดปากคลอง พระวินยาธิการ ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก พร้อม ร.ต.ท.เศียร เที่ยงประสาทพร รอง สวป.สภ.บางกระทุ่ม เพื่อเข้าตรวจสอบทันที
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นพระสมปอง ฉายาสีลอโร รูปเดียวกันจริง ส่วนชื่อเดิมนายสมปอง รักญาติ บ้านเดิมอยู่เลขที่ 5/3 ม.2 ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบเอกสารทางราชการ ไม่มี ทั้งใบสุทธิพระ หรือใบรับรองจากอุปัชฌาย์ หรือเอกสารต้นสังกัดวัดที่บวช โดยพระสมปองอ้างว่าไม่ได้รับ ตลอดทั้งใบประจำตัวประชาชนของพระก็ไม่มี ทางคณะพระวิยาธิการ จึงได้ติดต่อประสานกับเจ้าคณะตำบลบางกระทุ่ม ได้รับการแจ้งว่าทำการสึกทันที เพราะเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย แต่ทางพระสมปองอ้างจะกลับไปเอามา โดยขอเวลาให้กับตนเอง ซึ่งมีการพูดคุยกันอยู่นานร่วม 2 ชั่วโมง
สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ตำบลบางกระทุ่มสั่งการโดยเด็ดขาดให้ทำการสึก หากไม่ยอมให้ทางคณะพระวิยาธิการนำตัวไปที่สถานีตำรวจเมืองพิษณุโลก เพื่อแจ้งข้อหาการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ แต่ถ้ายอมสึกเองก็จะต้องออกจากพื้นที่ไปทันที ทำให้พระสมปองยอมสึกถอดจีวร และสวมเสื้อผ้าเก็บสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวที่จำเป็น ส่วนเครื่องอัฐบริขาร ทางคณะสงฆ์ได้ยึดเอาไว้ เพื่อไม่ให้นำไปใช้อีก
นอกจากนั้นพระครูสุธรรมบุญกิตติ์ เจ้าอาวาสวัดปากคลอง ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ไว้เป็นค่าเดินทาง พร้อมกับแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่า หากมีพระจะมาจำอยู่ที่วัดแห่งนี้ ต้องตรวจสอบหลักฐานให้แน่ชัดว่าเป็นพระจริงหรือเปล่า เพราะจะทำให้วัดเสียชื่อเสียง ที่ผ่านมาพระแบบนี้มีจำนวนไม่น้อยที่แอบแฝงมาหาผลประโยชน์