นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พบปะประชาชน รับทราบปัญหาการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดพิษณุโลก มีข้าราชการ ประชาชน มาร่วมต้อนรับนายกร่วม 2,000 คน โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งติงการกระจายงบประมาณลงสู่ท้องถิ่น 3,000 แห่ง ให้ดูแลท่อส่งน้ำคลองชลประทานล้มเหลว เอาขยะแค่ก็ทำไม่ได้
เวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ที่ อบต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางจาก จ.เชียงใหม่มาถึงท่าอากาศยาน จ.พิษณุโลกและเดินทางโดยรถยนต์มาถึงอบต.พรหมพิราม เพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจราชการ พบปะประชาชน รับทราบปัญหาการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดพิษณุโลก มีข้าราชการ ประชาชน มาร่วมต้อนรับนายกร่วม 2,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่า 1,000 นาย และมีการใช้เครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัยตรวจผู้เข้าผ่านบริเวณงานทุกคน พร้อมทั้งจัดชุด EOD และสุนัขตำรวจตรวจความเรียบร้อย ในการเดินทางมาตรวจราชการจังหวัดพิษณุโลก นายกรัฐมนตรีใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพมหานครฯ
โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ที่มาต้อนรับ ว่า ดีใจที่วันนี้ได้มาพบประชาชนชาวอำเภอพรหมพิราม และกล่าวถึงแผนโรดแม๊บ ซึ่งรัฐบาลจะทำให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันเพื่อความเสมอภาค
พลเอกประยุทธ กล่าวว่า ส่วนปัญหาการประสบภัยแล้งไม่ใช่แล้งแค่ในพื้นที่ของอำเภอพรหมพิราม ที่จังหวัดพิษณุโลกหรือพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่แต่ปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ สาเหตุที่เราไม่มีน้ำเพียงพอแล้วมันเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าตามเขาหัวโล้นต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ในการเก็บกักน้ำ ทางรัฐบาลวางแผนทวงป่าคืนให้ได้มาที่สุด ขณะนี้ทำได้ 2 ล้านไร่แล้ว ว่าแผนว่าจะเพิ่มพื้นที่ป่าในปี 2569 เพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40 ล้านไร่
ด้านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในการปลูกข้าวอย่าง เช่น ชาวนาปลูกข้าวขาวก็ควรปลูกไว้สำหรับการบริโภคถ้าจะส่งออกต่างประเทศต้องปลูกข้าวที่มีคุณภาพ ต้องกลับไปปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้ได้ เพื่อให้เกิดความอยู่รอดแล้วต้องปรับ ในวันนี้เราต้องเดินหน้าไปด้วยกันรัฐบาลจังหวัดส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนที่อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่าอะไรเป็นอะไรต้องเดินไปพร้อมกันทำงานอย่างมีระบบ หน้าที่ประเทศชาติต้องมาก่อนแผ่นดินประชาชนคือสิ่งที่มีความสำคัญ
และกล่าวทิ้งท้ายติงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับการถ่ายโอนโครงการระบบน้ำ โดยเฉพาะท่อส่งน้ำ เพื่อการเกษตรของชลประทาน ว่ามีการโอนเข้าไปแล้ว 3,000 แห่งทั่วประเทศ ก็ทำล้มเหลว ไม่มีประสิทธิภาพ ซ่อมแซมไม่ได้ เงินงบประมาณมีก็ไม่ยอมทำ ต้องดึงกลับมาทำให้ ชี้ให้เห็นความล้มเหลวกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น แม้กระทั่งขยะ ก็ทำไม่ได้ “ถ้ารักใครชอบใครผมไม่ว่าท่านเกลียดผม ผมไม่ว่า แต่ท่านอย่าเกลียดประเทศไทย ขอขอบคุณและขอโทษที่อาจจะพูดจาดุเดือดไปหน่อย”
ด้านนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้นำเสนอผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล สาระสำคัญดังได้แก่ ด้านการบริหารจัดการน้ำ ได้แก่การปรับปฏิทินการทำนาเร็วขึ้น 1 เดือน โดยเริ่มลงมือปลูกข้าวในพื้นที่ต่ำตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป ประกอบด้วยพื้นที่บางส่วนของอำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก และอำเภอบางระกำ รวม 325,000 ไร่ จำนวนครัวเรือน 15,000 ครัวเรือน มี เพื่อสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี และหลังเก็บเกี่ยวแล้วเกษตรกรจะปล่อยพื้นที่เพาะปลูกให้ว่างเปล่าเพื่อใช้เป็นที่รับรองน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากจากแม่น้ำ ยม ซึ่งเป็นการกักเก็บน้ำเหนือหน่วงน้ำไว้ในพื้นที่ตอนบนไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ลุ่มน้ำต่ำตอนล่างตั้งแต่จังหวัดพิจิตรลงไป พร้อมเสนอโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่ต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร จำนวน 25 โครงการ งบประมาณ 718 ล้านบาท
ทั้งนี้ แผนงานโครงการดังกล่าวได้บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำแล้ว โดยจังหวัดพิษณุโลกได้ประสานเบื้องต้นกับกรมชลประทานซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมด้านวิศวกรรมไว้แล้วพร้อมทั้งขอให้บรรจุแผนงานโครงการดังกล่าว ไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ต่อไปหากดำเนินการได้ก็จะเป็นพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ ให้เป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำนอง ซึ่งสามารถรองรับปริมาตรน้ำได้สูงสุดประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร เกือบเท่าปริมาณน้ำในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ซึ่งมีความจุประมาณ 900 ล้านลูกบาศก์เมตร
จากนั้นนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ ได้เดินเยี่ยมชมบูธจัดนิทรรศการของแต่ละอำเภอทั้ง 9 อำเภอที่นำมาจัดแสดงในวันนี้ และพบปะประชาชนที่มาต้อนรับ แล้วเดินทางกลับ