แม่ทัพภาค 3- ผู้ว่าฯพิษณุโลก สนธิกำลังจนท.ป่าไม้ อุทยานฯ เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า ตัดโค่นยางพารารุกอช.ทุ่งแสลงหลวง 97 ไร่ เผยเป็นของนายทุนที่ร้องต่อศาลปกครอง แต่ศาลยกฟ้อง จนผู้ครอบครองได้เสียชีวิตไปแล้ว ที่หมู่ 4 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
10.00 น.วันที่ 3 มิถุนายน 2558 พลโทสาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ประธานในพิธีเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่า ร่วมกับ นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายอมร ต่อเจริญ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก, พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก, พลตรีนพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 ดำเนินการบังคับใช้กฏหมายกับผืนป่าที่ถูกบุกรุกป่า ปลูกยางพาราในเขตอนุรักษ์ ณ.อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง หมู่ 4 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยสนธิกำลังฝ่ายทหาร 300 นายและกรมอุทยานฯ 600 นาย เพื่อตัดโค่นต้นยางพารา ตามมาตรา 22 พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
ถือเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลกำหนดแผนแม่บท แก้ไขปัญหา การทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกมีพื้นที่ที่ถูกบุกรุกปลูกยางพาราประมาณ 57,000 ไร่จะต้องดำเนินการตัดโค่นในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และในเขตสำนัก บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11
นายอมร ต่อเจริญ ผอ.สำนัก 11 เปิดเผยว่า การตัดโค่นยางพาราวันนี้จำนวน 97- 2-72 ไร่ ซึ่งเป็นของนายเทียบ ฤกษ์ดี นายทุนที่จังหวัดสมุทรปราการ คดีได้สิ้นสุดแล้ว อีกทั้งผู้ครองครองเดิมได้เสียชีวิตแล้ว และก่อนหน้านี้ได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก แต่ศาลได้ยกคำร้อง เมื่อ 25 กันยายน 52 การตัดโค่นยางพาราครั้งนี้ ใช้วิธีการตัดฟัน คือ ตัดออก 3 แถวเว้นไว้ 2 แถว ทั้งนี้ยังมีพื้นที่บุกรุกในเขตอุทยานฯที่พิษณุโลกอีกจำนวน 1,900 ไร่ ซึ่งจะต้องดำเนินการตัดโค่นต่อไป
พลโทสาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จะสนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการทวงคืนผืนป่า และพร้อมจะดำเนินการใน 17 จังหวัดภาคเหนือไปพร้อมๆกัน และวันนี้เป็นการดำเนินการตัดทำลายต้นยางพาราที่ถูกนายทุนบุกรุกและคดีสิ้นสุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีป้ายคัดเอาท์หนังสือจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ติดอยู่กลางแปลงพื้นที่ ระบุว่า ให้รื้อถอนอาคาร โรงจอดรถ และขนย้ายต้นยางพารา กฤษณา ต้นมะปราง ภายใน 31 พ.ค. 58 หากพ้นกำหนด เจ้าพนักงานจะรื้อถอนด้วยตนเอง และเสียค่าใช้จ่าย 60,100 บาท โดยนายเทียบ กฤษ์ดี จะต้องรับผิดชอบ ล่าสุดผู้ครองครองได้เสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถดำเนินการเรียกเก็บค่ารื้อถอนได้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่ทำให้ที่ดินของรัฐเสียหาย เป็นส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยู่ในขบวนการยุติธรรม แต่ผู้บุกรุกครอบครองได้เสียชีวิตไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….