ชาวบ้าน ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังถูกชวนให้เข้าร่วม โครงการสวัสดิการเพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองสูญเงินไปรายละ 1,500 บาท หลังทราบข้อมูลจากภาครัฐไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนสมาคมฌาปณกิจอย่างถูกต้อง
เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจภูธรพรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้มีชาวบ้านจาก ม.3,ม.4 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก จำนวน 13 ราย นำโดย นางบุญยืน ช่อกลาง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 ม.3 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รวมตัวมาแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ต่อพ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ พนักงานสืบสวน สภ.พรหมพิราม หลังถูกชักชวนให้หลงเชื่อสมัครโครงการสวัสดิการเพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองสูญเงินไปรายละ 1,500 บาท
หลังทราบเรื่องจากนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ว่าโครงการฯ ดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง โดยในวันนี้ มีนาย นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการมวลชน กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 มารับเรื่องร้องทุกข์
นางบุญยืน ช่อกลาง เล่าให้ฟังว่า เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา มีคนรู้จักมาชักชวนให้เข้าร่วมโครงการสวัสดิการเพื่อสมาชิกหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมืองในรูปแบบคล้ายการจ่ายเงินฌาปนกิจ โดยมีการเรียกเก็บเงินครั้งแรกในวันที่สมัครเป็นเงิน 1500 บาท แบ่งเป็นค่าสมัคร 1000 บาท และเงินสวัสดิการรับฝากล่วงหน้า 500 บาท หากสมาชิกอยู่ครบ 180 วัน จะได้รับเงินฌาปนกิจ หลักแสนบาท ขึ้นอยู่กับยอดสมาชิก ณ ปัจจุบัน ตนเห็นว่าเป็นการออมเงินที่ดี หากเป็นอะไรไป อย่างน้อยจะได้มีเงินเป็นค่าทำศพ ไม่ลำบากครอบครัว ประกอบกับโครงการดังกล่าวดูน่าเชื่อถือ จึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกจำนวนหลายรายเข้าร่วมสมัคร ประกอบกับก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน มีเจ้าหน้าที่จากโครงการฯโทรมาว่าให้รีบไปชำระเงินอีกจำนวน 1500 บาทเนื่องจากจะครบกำหนดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ แต่ตนพยายามไปติดต่อตามธนาคารของบัตรที่ได้รับมา ก็ปรากฏว่าทางธนาคารไม่สามารถรับชำระเงินให้ได้ ตนจึงติดต่อกลับไปปรากฏว่าคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ให้หมายเลขบัญชีส่วนตัวมา ตนก็เริ่มแปลกใจจนกระทั่งทราบว่าเป็นโครงการที่ไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้องจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าวเพราะมีชาวบ้านในพื้นที่อีกจำนวนมากที่สมัครเข้าร่วมโครงการนี้
นายธานินทร์ สมบูรณ์สาร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า โครงการฯดังกล่าวถือว่าเป็นสมาคมเถื่อน ลักษณะการรวมกลุ่มจัดตั้งในรูปแบบฌาปนกิจสงเคราะห์ แต่ไม่ได้ทำการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ จากนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่ให้ถูกต้อง แต่มีการเปิดรับสมัครสมาชิกและตัวแทนทั่วประเทศ จึงเป็นการชักชวน ชี้ช่อง หรือจากการโดยวิธีอื่นที่คล้ายคลึงกัน ให้ผู้อื่นรับสมัครเป็นสมาชิกของสมาคม ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สิน ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา66 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แนวทางในการช่วยเหลือประชาชนตอนนี้ คือต้องให้ผู้ที่ถูกหลอกเข้าแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และย้ำเตือนว่าอย่าหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิก ส่วนผู้ที่สมัครไปแล้วต้องดูเป็นกรณีเพื่อหาทางช่วยเหลือ ในด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งสืบสวนหาต้นตอของขบวนการนี้ เนื่องจากมีประชาชนในหลายพื้นที่ ที่ถูกหลอกให้สมัครเป็นสมาชิกและแพร่หลายไปในหลายจังหวัดคาดมูลค่าเสียหายหลายล้านบาท