เกษตรกร ชาว ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เปลี่ยนแปลงนาข้าว เป็นสวนดอกมะลิ หลังราคาข้าวตก ประกาศเลิกทำนา เก็บดอกมะลิขาย ได้กิโลกรัมละ 200 บาท เตรียมรับทรัพย์ช่วงวันแม่ ที่ราคาช่วงตลาดต้องการสูงพุ่งถึงกิโลกรัมละ 1,600 บาท
หลังราคาข้าวตกต่ำ ส่งผลให้ชาวนาต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หลายรายต้องเลิกทำนาข้าวเพราะทำไปไม่คุ้มทุน เช่นเดียวกับ นายธวัช รังท้วม อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/2 หมู่ 1 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ได้ทำการเปลี่ยนนาข้าว มาปลูกดอกมะลิ เก็บดอกขายสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยนายธวัช เปิดเผยว่า ตนเองได้เปลี่ยนนาข้าวจำนวนกว่า 20 ไร่ มาปลูกดอกมะลิ หลังจากได้รับคำแนะนำ จากชมรมผู้ปลูกดอกมะลิ ว่าสามารถมีรายได้ดีกว่าการปลูกข้าว ลงทุนซื้อพันธุ์มะลิมาจากนครสวรรค์ ในราคาต้นละ 6 บาท ทยอยปลูกในแปลงนาข้าว ตั้งแต่ กลางปี 2557 จนถึงขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ตนเองก็เปลี่ยนนาข้าวที่มีอยู่ทั้งหมด มาปลูกดอกมะลิแทน
ทั้งนี้ ดอกมะลิ เป็นพืชทนแล้ง ต้นทุนการเพาะปลูก ค่าปุ๋ย ค่ายา ใช้น้อยกว่าการทำนาข้าวถึง 1 ใน 4 ลงทุนปลูกเพียงครั้งเดียวสามารถเก็บดอกขายได้ถึง 15 ปี ต่อต้น การดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยาก ปลูกเพียง 2-3 เดือน ก็สามารถเก็บดอกขายได้ โดยในช่วงเวลาปกติ ราคาดอกมะละจะขายได้ที่กิโลกรัมละ 200 บาท แต่หากเป็นช่วงวันแม่ ราคาดอกมะลิจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 1,600 บาท อีกทั้งดอกมะลิยังเก็บขายได้ทุกวัน วันละ 8-10 กิโลกรัม มีคนมารับซื้อถึงที่ไม่ต้องเร่ขาย และไม่ถูกกดราคา ทำให้ตนเองมีรายได้เลี้ยงครอบครัว วันละ 1,000 – 2,000 บาท ซึ่งนับว่าเป็นรายได้ที่ดีกว่าการทำนาข้าว และหากท่านใดสนใจอยากจะปลูกดอกมะลิเพื่อจำหน่าย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ นายธวัช รังท้วม หมายเลขโทรศัพท์ 080-049 2378