สิ่งประดิษฐ์ นร.ไทยคว้า 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง และรางวัลพิเศษ 4 รางวัลจากการแสดงและประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ นานาชาติ ที่ประเทศมาเลเซีย
เด็กชายแดนใต้เจ้าของผลงานหม้อนึ่ง ES ที่ใช้ไอน้ำจากหม้อหุงข้าวมาใช้ประโยชน์ในการทำอาหารคว้าเหรียญทอง “เครื่องรับซื้อขวดอัตโนมัติ”,”อุปกรณ์ปอกและผ่ากุ้ง””เครื่องปลูกมันสำปะหลังอเนกประสงค์” และ “อุปกรณ์ตักข้าวสวย” คว้าเหรียญเงิน และ “ชุดอุปกรณ์เลาะก้างปลา”,”ไม้ค้ำพับได้”,และเครื่องยิงลูกปิงปอง คว้าเหรียนทองแดง จากการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์นานาชาติ ในงาน Asian Young Inventors Exhibition 2015 (AYIE) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2558 ณ ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย นักธุรกิจต่างชาติและผู้เข้าชมงานต่างให้ความสนใจและทึ่งในความคิดของเด็กไทย โดยจะเดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยสายการบินบริษัทการบินไทย จำกัด เที่ยวบินที่ TG 418 เวลา 22.05 น.ของวันอาทิตย์ ที่ 24 พฤษภาคม 2558 นี้
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานด่วน(เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 23 พ.ค. 2557) จากประเทศมาเลเซีย ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้คัดเลือกผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนไทย จำนวน 8 ผลงาน ไปจัดแสดงและประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์สำหรับนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์นานาชาติในงาน Asian Young Inventors Exhibition 2015 (AYIE) ซึ่งจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ : ITEX’15 26th INTERNATIONAL INVENTION & TECHNOLOGY EXHIBITION 2015 ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนักประดิษฐ์จาก 21ประเทศมาร่วมแสดงผลงานกว่า 1,000 ชิ้น ส่วนเวทีสำหรับนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์มีนักเรียนส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 122 ผลงาน ระหว่างวันที่ 21-23 พฤษภาคม 2557 ณ ศูนย์ประชุมกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ผลปรากฏว่าทีมนักเรียนไทยสามารถคว้า 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง และรางวัลพิเศษ 4 รางวัล รวม 12 รางวัล โดยผลงานหม้อนึ่ง ES (Energy-saving Steamer) ของเด็กหญิงไซนับ นิกาเร็ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และเด็กชายวารีฟ ดารอเงาะ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส คว้าเหรียญทอง ประเภทเครื่องใช้ภายในบ้าน และรางวัลพิเศษจากฮ่องกง ผลงานเครื่องรับซื้อขวดอัตโนมัติ ของเด็กชายสมปอง ละแอ และเด็กชายแดง ลุงออ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชุมชนบ้านแม่ฮ่าง จังหวัดเชียงใหม่ และ ผลงานอุปกรณ์ปอกและผ่ากุ้ง ของนางสาวภรณ์กมล บุญทอง และนางสาวพุธิตา กำปา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนทุ่งใหญ่วิทยาคม จังหวัดนครศรีธรรมราชคว้าเหรียญเงินประเภทเครื่องจักรและอุปกรณ์ และรางวัลพิเศษจากฮ่องกง ผลงานเครื่องปลูกมันสำปะหลังเอนกประสงค์ ของนายเกียรติศักดิ์ บุญเดช และนายพิศุทธ์ ผาสุก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา จังหวัดชัยภูมิ คว้าเหรียญเงินประเภทเกษตรกรรม และผลงานอุปกรณ์ตักข้าวสวย ของเด็กหญิงนิภาพร ฉิมมากรม และเด็กหญิงอนันยา อ่อนด้วง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ได้เหรียญเงิน ประเภทเครื่องใช้ภายในบ้าน ส่วนเหรียญทองแดงได้ 3 รางวัล ได้แก่ ผลงานชุดอุปกรณ์เลาะก้างปลา ของนายนภชนินทร์ คงสาธิตพร และนายศุภกร ตะวงษ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ได้เหรียญทองแดงประเภทเครื่องใช้ภายในบ้านและรางวัลพิเศษจากอินโดนีเซีย ผลงานไม้ค้ำพับได้ ของนายณัฐภัทร จันมิตร และนายเกรียงไกร นามสอน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนคลองแดนวิทยา จังหวัดสงขลา ได้เหรียญทองแดงประเภทการดูแลพิเศษและรางวัลพิเศษจากอินโดนีเซีย และผลงานเครื่องยิงลูกปิงปอง ของนายไกรวิชญ์ โตคำ และนายพลทัศน์ สุขน้ำ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบึงสามพันวิทยาคม จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เหรียญทองแดงประเภทการกีฬา นอกจากนี้ยังพบว่าภายในงานยังมีโครงการ MOVE WORLD TOGETHER ส่งผลงานภาชนะนึ่งข้าวเหนียวของทีมนักเรียนไทยจากโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนมเข้าร่วมประกวดและได้รับรางวัลเหรียญเงินอีกด้วย
> “นับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ที่ผลงานสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนไทยได้รับความสนใจอย่างตลอด 3 วัน โดยเฉพาะนักธุรกิจ นักวิชาการ และผู้เข้าชมงาน ต่างสนใจในความคิดสร้างสรรค์ของเด็กไทย และต้องการให้เราผลิตมาจำหน่ายเพราะผลงานที่ได้รับรางวัลตรงกับความต้องการของตลาดโลก ซึ่งจะสามารถต่อยอดทำเงินได้ในอนาคต ทำให้เห็นว่าเด็กไทยมีศักยภาพ มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ผลงานได้ในสายตาของนานาชาติ ขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับนักเรียนทุกคนที่ได้รับรางวัล และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติในครั้งนี้”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว/.