ชาวพิษณุโลกที่ไปซื้ออาคารพาณิชย์และแผงในตลาดอินโดจีน 50 คน รวมตัวบุกร้องเรียนผู้ว่าฯ พิษณุโลก เจ้าของโครงการเบี้ยว ซื้ออาคารและแผงร้านค้าเมื่อปี 2552-2553 จ่ายเงินไปเกือบหมดแล้วมูลค่าหลายสิบล้านบาทเจ้าของไม่ยอมโอนให้ บ่ายเบี่ยงตลอด แจ้งความปีที่แล้วก็ไม่คืบ ปล่อยโครงการทิ้ง จังหวัดเชิญตำรวจมารับเรื่องเร่งฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน
เวลา 10.00 น.วันที่ 19 พฤษภาคม 2558 กลุ่มชาวบ้านในจ.พิษณุโลกได้ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าไปซื้อโครงการตลาดสดค้าปลีก-ส่ง สี่แยกอินโดจีน ที่ม.7 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก บริเวณสี่แสกอินโดจีน ทั้งอาคารพาณิชย์และแผงร้านค้าในตลาดจำนวนประมาณ 50 คน ได้รวมตัวกันที่หน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกเพื่อร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกให้ช่วยเหลือ เพราะได้ใช้เงินไปซื้ออาคารพาณิชย์และล็อคตลาดในโครงการมาตั้งแต่ปี 2552ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า โครงการดังกล่าวกลับไม่ประสบความสำเร็จ และไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ไปซื้อได้เลย หลายคนได้จ่ายเงินให้เจ้าของโครงการไปแล้วจำนวนมาก ตั้งแต่รายละ 200,000 บาทถึง 4 ล้านบาท แต่ก็ไม่สามารถได้รับการโอนจากเจ้าของโครงการได้ มูลค่าความเสียหายของประชาชนประมาณ 50 ล้านบาท ต่อมา นายพงษ์พัฒน์ วงศ์ตระกูล ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ได้มารับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน โดยเชิญพ.ต..สามารถ จูเทศ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิสภ.เมืองพิษณุโลก ได้มาชี้แจงถึงผลการดำเนินการทางคดีกับผู้เสียหาย หลังจากได้เข้าแจ้งความกับสภ.เมืองพิษณุโลกๆไว้แล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557
นายสุรกัตน์ ทองเชื้อ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 ม.1 ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตัวแทนผู้เดือดร้อนกล่าวว่า ในช่วงปี 2552 มีการเปิดโครงการตลาดสี่แยกอินโดจีน บริเวณใกล้เคียงสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแค อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีการจัดสรรล็อคตลาด สำหรับแผงค้าส่ง-ค้าปลีก และในส่วนของอาคารพาณิชย์ และเจ้าของโครงการได้ทำการโปรโมทอย่างดี มีการทำพิธีเปิด เชิญผวจ.พิษณุโลกในสมัยนั้นมาร่วมทำพิธีเปิด พวกตนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าก็เห็นว่าน่าจะเป็นโครงการที่ดี เหมาะแก่การลงทุนเปิดร้านค้าขาย ชาวพิษณุโลกจำนวนมากจึงไปจองและซื้อล็อคทั้งในส่วนของแผงตลาดสดและอาคารพาณิชย์ แต่ปรากฏว่า เริ่มดำเนินการมาได้ไม่นาน ก็เริ่มมีปัญหา เริ่มมีการรื้อโครงหลังคาในส่วนของตลาดออก มีการจัดล็อคใหม่ และที่สำคัญคือ พวกตนต่างจ่ายเงินจอง เงินทำสัญญา และอีกจำนวนหนึ่งก็จ่ายครบจำนวนเงิน มีการทำสัญญาซื้อขายชัดเจน แต่ปรากฏว่า เจ้าของโครงการได้บ่ายเบี่ยงมาตลอด ไม่สามารถโอนได้ บางรายก็มีการขายอาคารซ้ำซ้อนให้กับหลายเจ้า
นายสุรกันต์ เผยต่อว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 พวกตนก็ได้ค่อย ๆ ทยอยเข้ามาแจ้งความที่สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีกับนายโกวิท ยมนา อายุ 62 ปี เจ้าของโครงการ และมีการเข้าแจ้งความหลายราย แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เคยร้องเรียนกับทหาร ก็มีความพยามยามเรียกเจ้าของโครงการมาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่สำเร็จ มาวันนี้จึงมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ว่าจะแก้ไขปัญหาให้พวกตนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็จะดำเนินการร้องเรียนในระดับสูงต่อไป
ทั้งนี้ ผู้เดือดร้อนแต่ละรายมีมูลค่าความเสียหายต่างกันตามจำนวนล็อคตลาดสดและอาคารพาณิชย์ที่ทำสัญญาซื้อขายไว้ อย่างเช่นของนายสุรกันต์ ซื้อตลาด 2 แผง อาคารพาณิชย์ 2 ห้อง จ่ายเงินไปแล้ว 4 ล้านกว่าบาท
โดยนายพงษ์พัฒน์ วงศ์ตระกูล ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ได้เชิญผู้เดือดร้อนขึ้นมาประชุมร่วมกันบนชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก และเชิญพ.ต.อ.สามารถ จูเทศ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพิษณุโลก มาชี้แจงกับผู้เสียหาย โดยฝ่ายตำรวจแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินคดี แต่เนื่องจากผู้เสียหายมีจำนวนมาก ประมาณ 70 ราย และยังคงมาแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.เมืองพิษณุโลกอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ก็มาอีก 2 ราย และมีกลุ่มผู้เสียหายแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ที่ต้องดำเนินการฟ้องนายโกวิท และผู้เกี่ยวข้องในโครงการอีก 2 คน ขณะนี้ กำลังดำเนินการสรุปสำนวนคดี และขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้แจ้งความให้เร่งไปแจ้งความที่สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อเร่งสรุปสำนวนเสนอต่ออัยการ โดยจะเสนอให้เร็วที่สุดภายในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฏาคมนี้ เป็นข้อหาฉ้อโกงประชาชน เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้
หลังจากนั้นฝ่ายราชการมารับเรื่องและให้ตัวแทนผู้เสียหาย 1 คน มาทำหน้าที่ติดตามการดำเนินการของฝ่ายราชการกับจังหวัดพิษณุโลก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….