สภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้ผลผลิตทุเรียนหลงรักไทย ทุเรียนรสชาติดีของอ.เนินมะปรางจ.พิษณุโลก ออกผลผลิตน้อยลงกว่าปีที่ผ่านกว่าครึ่งหนึ่ง อีกทั้งคาดว่าจะผลจะสุกและเก็บผลผลิตสู่ท้องตลาดในเดือนมิถุนายน โดยจะจำหน่ายขายราคาเท่าเดิมกิโลกรัมละ 150-250 บาท
วันที่14 พ.ค.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืชสวนได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนหลงรักไทย ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นสวนทุเรียนแห่งแรกและแห่งเดียวของ จังหวัดพิษณุโลก ของนายนายวรรณชัย กาญจนเพ็ญ ปลูกทุเรียนเนื้อที่ 45 ไร่ ที่ปลูกทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย จำนวนกว่า 500 ต้น
นางมิด๊ะ สมพงศ์ อายุ 50 ปี ผู้ดูแลสวนทุเรียนหลงรักไทย กล่าวว่า ได้นำพันธุ์ทุเรียนหลงลับแลมาปลูกในพื้นที่ อ.เนินมะปราง นานกว่า 5 ปี จนสามารถสร้างผลผลิตออกสู่ตลาดได้กว่าปีละ 30 ตัน สามารถสร้างรายได้จำหน่าย กิโลกรัมละ 150-250 บาท ส่วนเอกลักษณ์และจุดเด่นของทุเรียนพันธุ์หลงรักไทยนั้น คือ เนื้อทุเรียนจะมีลักษณะเนื้อละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป สีเหลืองทอง รสชาติหวานและหอม อร่อยไม่แพ้ทุเรียนพันธุ์หลินลับแลหลงลับแล ทั้งที่ต้นพันธุ์มาจากพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หลินลับแลหลงลับแล อาจเป็นเพราะบ้านรักไทยสภาพอากาศเย็น แร่ธาตุในดินดีทำให้เนื้อทุเรียนที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น เป็นที่ต้องการของท้องตลาด จึงได้เปลี่ยนชื่อจากพันธุ์หลงลับแลเป็น “พันธุ์หลงรักไทย” เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ปัจจุบันทุเรียนพันธุ์หลงรักไทยเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก
นางมิด๊ะ กล่าวอีกว่า ในปีนี้ทางสวนทุเรียนของตนเองต้องประสบปัญหาสภาพอากาศที่ร้อนมาก ทำให้ต้นทุเรียนออกดอกมาน้อย ทำให้ผลผลิตในปีนี้คาดว่าจะออกมาน้อยกว่าปีที่แล้วกว่าครึ่งหนึ่ง คือ ประมาณ 10 กว่าตัน กรอปกับเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมายังโดนพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ทำให้ลูกอ่อนของทุเรียนร่วงตกลงมาเป็นจำนวนมาก ปีนี้คาดว่าจะออกมาจำหน่ายได้ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้
สำหรับราคาขายจะเน้นขายในราคาเดิม คือ150-250 บาท ซึ่งจะไม่มีทางขึ้นราคาอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานของอร่อย มีคุณภาพ และราคาถูก.
////////////