ยึดสวนยางรุกป่าสงวน779ไร่ที่พิษณุโลก

DSC_0083อธิบดีกรมป่าไม้เปิดยุทธการแควน้อยยั่งยืนทวงคืนผืนป่า 20,000 ไร่  ยึดพื้นที่ปลูกยางพาราบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนป่าต้นน้ำ  นำกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่ปลูกยางพารา 779 ไร่ บริเวณบ้านหลังเขา ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าเขากระยาง หมู่ 7 ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลกDSC_0105

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 4 เมษายน  2558 นายธีรภัทร  ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายชีวะภาพ  ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร เดินทางมาเปิดยุทธการ “แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผืนป่า 20,000 ไร่” ที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ พล.3 (หนองกระท้าว) อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยมีนายมานพ  สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมหัวหน้าส่วนป้องกันฯ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน จ.พิษณุโลก ให้การต้อนรับ  พร้อมทั้งประชุมมอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้สามารถปฏิบัติตามแนวทางนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ลดพื้นที่ปลูกยางพาราในทุกภูมิภาค เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ การทำลายป่าไม้เพิ่มขึ้น จากนั้นทางคณะอธิบดีกรมป่าไม้ได้เดินทางไปตรวจยึดพื้นที่ปลูกสวนยางพารา ที่รุกล้ำเข้าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าเขากระยาง หมู่ 7 บ้านหลังเขา ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก คิดเป็นเนื้อที่ปลูกสวนยางพารา จำนวนกว่า 779 ไร่DSC_0060

ด้าน นายมานพ  สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก กล่าวว่า ผืนป่าพิษณุโลกขณะนี้มีพื้นที่จำนวน 1.6 ล้านไร่ พบว่ามีพื้นที่บุกรุกป่าสงวนฯ แล้วไปปลูกยางพาราดำเนินคดีแล้วจำนวน 4,235 ไร่ และมีพื้นที่บุกรุกปลูกยางพาราที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี จำนวน 15,000 ไร่เศษ นอกจากนี้พบว่ามีนายทุนบุกรุกปลูกยางพาราอายุประมาณ 5 ปี จำนวน 779 ไร่ ได้สำรวจสิทธิ์ถือครองจำนวน 8 ราย และพบว่ามีจำนวน 3 ราย เปลี่ยนมือถือครองซึ่งถือว่าผิดกฎหมายชัดเจน จึงได้ดำเนินคดีพร้อมกับควบคุม ชาวบ้านที่รับจ้างเฝ้าสวนและกรีดยาง จำนวน 2 ราย ที่แปลงตรวจยึด จากนั้นจะดำเนินการติดตามตัวนายทุนเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายDSC_0078

ขณะที่ นายธีรภัทร  ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า วันนี้ตนได้มาติดตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกยางพารา ตามมติครม. 3 กุมภาพันธ์ 2558  ซึ่งทางกรมป่าไม้ตั้งเป้าไว้ปี 58 จะต้องลดพื้นที่ปลูกยางพารา จำนวนทั้งสิ้น 400,000 ไร่  ส่วนของ จ.พิษณุโลก มีเป้าหมายที่จะดำเนินการใช้มาตรา 25 ตัดต้นยางพารา จำนวนทั้งสิ้น 20,000 ไร่ ซึ่งในวันนี้ช่วงเปิดยุทธการ ได้ทำการตรวจยึดพื้นที่ไว้แล้วกว่า 779ไร่DSC_0097

นอกจากนี้ต้องเร่งรัดคดีค้างเก่า พร้อมตรวจพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนมือไปสู่นายทุน จะเห็นว่า จนท.ป่าไม้ จะไม่ทำให้กระทบสิทธิ์ของราษฎรผู้ยากไร้ทำกินอยู่เดิม แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะต้องจับกุมและยึดผืนป่าคืนจากนายทุน ซึ่งพิษณุโลกวางเป้า 20,000 ไร่ ตามยุทธการ “แควน้อยยั่งยืน ทวงคืนผืนป่า 20,000 ไร่” พร้อมกับประสานไปยัง ปปท. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนอีกด้วย ในส่วนการตัดต้นยางนั้นจะทยอยตัดครั้งละ 60 เปอร์เซ็นต์ ของแปลงยางพาราที่ถูกตรวจยึดจับกุม และให้คงเหลืออีก 40 เปอร์เซ็นต์ ไว้ เพื่อตัดในปีต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศน์DSC_0090

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวอีกว่า ส่วนป่าที่ยึดคืนได้จะมีการปรับรูปแบบในการดูแลรักษาป่าให้เป็นป่าชุมชนต่อไป โดยได้มีการพูดคุยกับผู้นำชุมชนในพื้นที่และเสนอที่กรมป่าไม้ มีแนวทางเพิ่มเติมจะได้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกันหลังจากนี้จะเพิ่มเติมเป็นป่าครอบครัวด้วย โดยสามารถที่จะมาขอรับต้นไม้กับทางกรมป่าไม้ซึ่งในปี พ.ศ. 2558 นี้ กรมป่าไม้ได้เตรียมกล้าไม้ไว้สำหรับให้ประชาชนได้ปลูก ไม่ต่ำกว่า 45 ล้านกล้า โดยพันธุ์ไม้หลักที่เน้นให้ประชาชนปลูก คือ ต้นพะยูง ต้นสัก และไผ่ ให้มีการปลูกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ หรือพื้นที่เอกสารสิทธิ์ และสวนป่าต่างๆ ส่วนในอนาคตเรื่องการทำไม้ซึ่งได้ปิดป่ามาเป็นเวลา 25 ปี ทำให้ไม่สามารถเข้ามาหาประโยชน์ได้โดยตรงตามกฎหมาย กรมป่าไม้จึงสนับสนุนทำป่าชุมชนขึ้นมาเพื่อใช้สอย โดยให้ประชาชนเข้ามาขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมได้อีกด้วยDSC_0100

…………………………………………………………………………………………………………………………

แสดงความคิดเห็น