ลงนามร่วมมือสร้างโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ

427023จังหวัดพิษณุโลกลงนามร่วมมือกับภาคเอกชน บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) เตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ แก้ปัญหาขยะล้นเมืองที่พิษณุโลกมีขยะถึง 600 ตันตัน แต่กำจัดได้ 100 กว่าตัน  เอกชนเตรียมหาพื้นที่ตั้ง ทำประชาคมในพื้นที่ ใช้ขยะเปียกมาเผาเป็นโรงงานขนาด 6 เมกกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 1,000 ล้านบาท คาดใช้เวลา 2 ปีดำเนินการ ขณะที่ภาคเอกชนพิษณุโลก เรียกร้องโรงงานขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้ำ อากาศ ดิน ควรทำประกันภัยด้านสิ่งแวดล้อมคุ้มครองขั้นต่ำประมาณ 5,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ระหว่างจังหวัดพิษณุโลก กับบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) โดยมี พ.อ.พิเศษ จาตุรงค์ เชื้อคำฟู รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 พร้อม นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก  นายอภิสิทธิ์  รุจิเกียรติกำจร  บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจากเทศบาลนครพิษณุโลก และตัวแทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันลงนามความร่วมมือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะและการกำจัดขยะ ที่นับวันจะเกิดปัญหามากยิ่งขึ้น427026

 

โดย พ.อ.พิเศษ จาตุรงค์ เชื้อคำฟู รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางรัฐบาลมีแนวนโยบายในการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างความสมดุล ระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนและแนวนโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ซึ่งการนำขยะมาใช้ประโยชน์ให้เป็นพลังงานควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมยังจะได้ซึมซับการเรียนรู้การถ่ายทอดเทคโนโลยี จึงถือเป็นเรื่องดีในการส่งเสริมความร่วมมือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ

 

ด้านนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ปัญหาขยะในจังหวัดพิษณุโลกนับวันจะมีปัญหามากยิ่งขึ้น การมีเทคโนโลยีรูปแบบใหม่มาช่วยในการแก้ไขปัญหาขยะจึงเป็นเรื่องที่น่าส่งเสริม ยิ่งทุกวันนี้ขยะพิษณุโลกในแต่ละวันมีมากถึง 600 ตัน แต่สามารถที่จะกำจัดได้เพียง 100 กว่าตัน จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไข และรับมือปัญหาขยะดังกล่าวไม่ให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นจนเกิดเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจังหวัดพิษณุโลก จึงพร้อมส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการกำจัดขยะและหาพื้นที่ที่เหมาะสม ส่วนปัญหาเรื่องการประท้วงและต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ นั้น ทางจังหวัดพิษณุโลกยืนยันว่าทำตามขั้นตอนมีการตรวจสอบและต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อนแน่นอน427018

 

นายอภิสิทธิ์  รุจิเกียรติกำจร  บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทเอเชีย กรีน เอนเนอจีมีความพร้อมในการกำจัดขยะ  เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันทันสมัยและมีประสิทธิภาพ มากที่สุดในประเทศไทย  โดยมีที่ปรึกษา โดยในส่วนของระบบโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่จะเกิดขึ้น จะนำเอาขยะเปียกของจังหวัดพิษณุโลกวันละ 600 ตัน มาทำให้แห้ง แล้วนำขยะแห้งไปเผา นำความร้อนต้มน้ำได้ไอน้ำมาหมุนกังหันผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งขาย กฟภ. ซึ่งกำลังการผลิตเฉลี่ยวันละ 6 เมกกะวัตต์ โดยการลงทุนจะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยใช้เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าจากขยะจากประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น  เนื่องจากมีขยะลักษณะใกล้เคียงกับประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการกำจัดขยะมาฯนกว่า 30 ปี เราจึงมีความพร้อมในการร่วมแก้ไขปัญหาขยะ  ส่วนการทีเลือก จ.พิษณุโลก  เป็นจังหวัดนำร่องนั้นเนื่องพิษณุโลกเป็นเมืองท่องเที่ยว จังหวัดเศรษฐกิจทำให้มีปริมาณขยะมาก เพียงพอสำหรับทำโรงไฟฟ้าขยะ และเป็นแบบอย่างเพื่อดำเนินการในจังหวัดอื่นๆ

 

ขั้นตอนหลังจากทำ MOU จะมีการทำประชาคมหน่วยงานที่เกี่ยวใน จ.พิษณุโลก ให้ความรู้ ปรับกระบวนการในการร่วมมือในการคัดแยกขยะตั้งแต่ในครัวเรือน   วิเคราะห์รูปแบบขยะ  ซึ่งใน จ.พิษณุโลกส่วนใหญ่เป็นขยะเปียก ซึ่งให้ค่าความร้อนต่ำ  ส่วนการลงทุนคาดว่าจะใช้เงินลงทุนสร้างเตาเผาขยะประมาณ 1,000 ล้านบาท  คาดว่าจากปริมาณขยะวันละ 600 ตัน จะสามารถได้รับกระแสไฟฟ้าประมาณวันละ 6 เมกะวัตต์  ส่วนการจัดสร้างยังไม่ได้ระบุสถานที่  แต่อาจจะเลือกสถานที่ที่เคยจำกัดขยะที่เคยมีอยู่ โดยจะพยายามเริ่มให้เร็วที่สุดใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี นับเป็นโรงไฟฟ้าขยะที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดแห่งแรกของประเทศ

 

นายสมไทย   วงษ์เจริญ  ประธาน กรรมการ โรงงานคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล วงษ์ พาณิชย์ กล่าวว่า  ในมุมมองของการสร้างโรงไฟฟ้าขยะ  แม้ว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย  แต่ก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ  มหาวิทยาลัย  ภาคเอกชน  และภาคสังคมต่างรู้สึกเป็นห่วง  เพราะข้อมูลในการดำเนินการของโรงไฟฟ้าขยะวันนี้ยังไม่ชัดเจน    ว่าจะมีการจัดการสิ่งแวดล้อม อย่างไร มีความปลอดภัยต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงมากน้อยเพียงใด  จึงอยากเรียกร้องให้ทางบริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) ได้ทำประกันภัยไว้กับ เอซ อินชัวรันซ์ ซึ่ง รับทำประกับภัยกับบริษัท หรือโรงงานขนาดใหญ่   ถ้าโรงงานขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน ก็ควรทำประกับภัยมูลค่าคุ้มครองขั้นต่ำกว่า 5,000  ล้านบาท   เพื่อคุ้มครองให้กับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากกระบวนการผลิต  สารเคมี  หรือแม้แต่ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม  เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่  เพราะสำหรับวงษ์พาณิชย์ โรงงานคัดแยกขยะเพิ่มรีไซเคิล  เป็นโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก็ได้ทำประกันภัยไว้กับกับทาง เอซ อินชัวรันซ์ มีมูลทรัพย์คุ้มครองความเสียหาย 300 ล้านบาท

/////

แสดงความคิดเห็น