นายไพฑูรย์ แก้วพุ่ม อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 ม.8 ต.ท้อแท้ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสงไร้น้ำ กล่าวว่า หลังจากกรมชลประทานประกาศ ขอความร่วมมือจากชาวนา ให้งดการปลูกข้าวนาปรัง และยืนยันจะไม่ปล่อยน้ำมาช่วยชาวนา หากยังมีการทำนา จนกว่าจะถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ตนจึงไม่กล้าเสี่ยง แต่ครั้นจะปล่อยนาทิ้งว่างเปล่าครอบครัวก็จะขาดรายได้ จึงได้หันไปปลูกถั่วลิสง เนื่องจากเป็นพืชที่แทบจะไม่ใช้น้ำเลย ปล่อยให้โตเองตามธรรมชาติ ครบ 85 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
นายไพฑูรย์ เล่าต่อว่า ปกติทำนา 10 ไร่ แต่สามารถปลูกถั่วลิสงได้เพียง 4 ไร่ เนื่องจาก ต้องปลูกในพื้นที่ ที่เป็นดินร่วนซุย หรือ ดินทราย หากปลูกในดินเหนียวต้นถั่วจะแคระแกน เมื่อถึงกำหนดเก็บเกี่ยว ก็จะจ้างชาวนาในละแวกใกล้เคียงมาเก็บถั่วลิสง โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงไร่ และจ่ายเงินสดทันที” ผลผลิต 1 ไร่ ได้ถั่วประมาณ 1 ตัน หรือ 9 ลูก ส่งขายในราคาลูกละ 900 บาท ซึ่งหักต้นทุนแล้วก็ยังเหลือกำไร ใช้จ่ายในครอบครัว ที่สำคัญการปลูกถั่ว หลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ว สามารถไถกลบต้นถั่ว กลายเป็นปุ๋ย เพิ่มแร่ธาตุในดิน และนับเป็นการพักฟื้นหน้าดินอีกด้วย
ถั่วลิสง เป็นพืชที่มีคุณค่าทางการบำรุงร่างกายสูง มีปริมาณโปรตีนในถั่วลิสงสูงกว่าในข้าวสาลี ๑ เท่า สูงกว่าข้าว ๓ เท่า เมื่อเทียบกับไข่ไก่ นมวัว เนื้อสัตว์แล้ว ก็ไม่ด้อยกว่ากัน ในถั่วลิสงเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย การบริโภคน้ำมันถั่วลิสงเป็นประจำ จะทำให้โคเลสเตอรอลในตับสลายตัวเป็นกรดน้ำดี เป็นการป้องกันหลอดเลือดตีบและโรคหัวใจของคนในวัยกลางวัยและวัยสูงอายุได้ โดยเฉพาะเด็กๆ กินแล้วเสริมความจำ ช่วยในการเจริญเติบโตอีกด้วย
