ชาวบ้านจากอ.พรหมพิรามจ.พิษณุโลกเข้าขอความช่วยเหลือดีเอสไอภาค 6 ถูกคนสนิทในหมู่บ้าน นำสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ไปเปิดบริษัท-หจก.ที่จ.เลย คนคุ้นเคยกันอ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือคนพิการเมื่อปี 54 มารู้อีกทีเจอหมายเรียกจากสภ.เมืองพิษณุโลกฝ่ายฝืนคำสั่งทะเบียนการค้า ไม่แจ้งการประกอบการ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 ก.พ. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ภาค 6 หรือ DSI ถ.พิชัยสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้มีประชาชนจำนวนจากอ.พรหมพิรามเข้าขอความช่วยเหลือจาก ดีเอสไอ ภาค 6 หลังจากถูกหลอกเอาสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดห้างหุ้นส่วน จำกัด เพื่อขอโคว้ต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลของผู้พิการ กระทั่งมาทราบหลังจากมีหมาย จากสถานีตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ออกวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 มีสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าพิษณุโลก ผู้กล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรบัญชี โดยมีชาวบ้านที่ถูกนำชื่อไปเปิดเป็นห้างหุ้นส่วนร่วม 300 ราย เพื่อให้ทาง ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษสอบสวนผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
นายรัชชานนท์ ฟักทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.8 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นปี 2554 มีนายสุวิช ฉวีรัตน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/243 ม.7 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้มาหาที่บ้าน พร้อมกับมาขอสำเนาถ่ายบัตรประชาชน โดยอ้างว่าจะเอาไปช่วยเหลือคนพิการ เพื่อขอโคว้ต้าสลากินแบ่งรัฐบาลเอามาขาย และให้ตนเซ็นรับรองสำเนาบัตร ตนเห็นว่าเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันมานาน จึงให้สำเนาบัตรประชาชนไป โดยไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไร
นายรัชชานนท์ กล่าวว่า กระทั่งได้รับหมายจากตำรวจ จึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าพิษณุโลก ทำให้ทราบเรื่องว่าถูกหลอกเอาบัตรประชาชนไปเปิดห้างหุ้นส่วน แต่ไม่มีการแสดงการเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด จึงต้องถูกแจ้งฟ้องร้องดำเนินคดี วันนี้มีชาวบ้านที่ถูกเอาชื่อไปเปิดห้างหุ้นส่วน และถูกดำเนินคดีไปแล้ว 14 ราย วันนี้ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน จำนวน 5 ราย และมีการสอบปากคำไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนการแจ้งความกับนายสุวิช ฉวีรัตน์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปแจ้งที่ที่เกิดเหตุ จ.เลย เพราะมีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนที่ จ.เลย ก่อนจะมีการย้ายห้างหุ้นส่วนมาที่ จ.พิษณุโลกภายหลัง
นางประนอม กล่ำเชย อายุ 61 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.8 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตนถูกหลอกเช่นกัน โดยนายสุวิช ฉวีรัตน์ ได้มาขอสำเนาบัตรประชาชน พร้อมกับให้เซ็นลายมือกำกับ ว่าจะนำไปช่วยคนพิการ เพื่อขอสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขาย ด้วยความที่เป็นที่รู้จักกันมาก่อน จึงไว้ใจให้สำเนาบัตรประชาชนไป กระทั่งมาทราบภายหลังถูกนำไปใช้เปิดห้างหุ้นส่วน และถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจกล่าวหา โดยที่ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย จึงอยากจะให้หน่วยงานลงมาช่วยเหลือชาวบ้านอย่างพวกเราในครั้งนี้ด้วย เพราะเดือดร้อนมาและตกเป็นผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว
ด้านนายสมพร ทิพยโสตนัยนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ภาค 6 กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับเรื่องจากชาวบ้านเอาไว้ตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าจะสามารถเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ต้องดูผลเสียหายเป็นเป็นบริเวณกว้างหรือผู้ได้รับผลกระทบมากแค่ไหน เบื้องต้นจากหลักฐาน ชาวบ้านที่ถูกหลอกทั้งหมดเป็นคน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีจำนวน 300 ราย ขณะนี้มีจำนวน 14 ราย ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา และได้เรียกชาวบ้านไปสอบสวนปากคำแล้วจำนวน 5 คน ในส่วนของ ดี เอสไอ จึงเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ต่อไป