ค่ำของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า นพ.สุเทพ นิ่มพิทักษ์พงศ์ ประธานโรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลพิษณุโลกได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางญาติได้นิมนต์พระมาทำพิธีเพื่อบรรจุร่างท่านใส่โลง และเก็บในโลงแช่แข็ง และพาท่านไปพักที่หัองทำงานท่าน ที่ชั้น 2 รพ.พิษณุเวชเพื่อให้ครอบครัวพิษณุเวชและบุคคลภายนอกที่นับถือท่านมาเคารพศพท่านได้จนถึงวันทำพิธีสวดบำเพ็ญกุศลหลังวันที่ 5 มีนาคมไปแล้ว พิษณุโลกฮอตนิวส์ขอแสดงความเสียใจจากการจากไป มา ณ โอกาสนี้ และจะรายงานกำหนดการพิธีสวดบำเพ็ญกุศลของนพ.สุเทพ นิ่มพิทักษ์พงศ์ ในโอกาสต่อไป
นพ.สุเทพ นิ่มพิทกษ์ฺพงศ์ ก่อตั้งโรงพยาบาลพิษณุเวชเมื่อ ปี 2525 ใน วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2525 เปิดให้บริการอาคาร 1-2 สูง 5 ชั้น ขนาด 50 เตียง โดยมีนายแพทย์สุเทพ และ แพทย์หญิงนิภาพร นิ่มพิทักษ์พงศ์ ประธานและรองประธานกรรมการ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลพิษณุเวช นับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในจังหวัดพิษณุโลก
ในโอกาสครบครอบ 12 ปี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก ได้จัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2557 ที่โรงแรมวังจันทร์ริเวอร์วิว สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลกได้มอบรางวัล12 สุดยอดนักคิดเมืองพิษณุโลก และนพ.สุเทพ นิ่มพิทักษ์พงศ์ ก็เป็น 1 ใน 12 สุดยอดนักคิดเมื่องพิษณุโลก ได้กล่าวไว้ในหนังสือ 12 สุดยอดนักคิดว่า
นพ.สุเทพ นิ่มพิทักษ์พงศ์ ประธานโรงพยาบาลพิษณุเวช พิษณุโลก
“ผมยังคงตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิต เพื่อที่จะสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น และสังคมที่เราพึ่งพาอาศัยมาหลายสิบปีแห่งนี้ ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอยู่มากมาย ที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่ หากเราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เรารักและสามารถเป็นประโยชน์กับทั้งตัวเราผู้อื่น รวมถึงสังคมรอบข้างแล้ว เราจะมีความมุ่งมั่นและมีแรงผลักดัน ให้ทำสิ่งนั้นจากภายในใจของเราเอง โดยมิได้คิดถึงเรื่องเงินทองของนอกกายที่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถเอาติดตัวเราไปได้ จะมีแต่คุณความดีที่เราทิ้งไว้เบื้องหลังเท่านั้น สิ่งที่อยากเห็นสังคมต่อไปนี้ และการปฏิบัติตัวของคนในสังคมนั้น ความใส่ใจและเอาใจใส่ผู้ที่อยู่ร่วมกันในสังคม เป็นสิ่งสำคัญที่คนเรามักจะมองข้าม อาจจะเป็นเพราะสภาพการแข่งขันกันเอาตัวรอดในสังคมที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน ผมอยากเห็นผู้คนที่ใช้ชีวิตถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เหมือนในสมัยก่อน ใครมีอะไรก็เอามาแบ่งปันกัน ใช้ชีวิตอย่าพอเพียงในแบบที่เราและครอบครัวมีความสุข ที่สำคัญอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพ เพราะมีเงินมากมายเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญเท่ามีสุขภาพดี ส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันหน้า ดีกว่ามาหาหมอรักษา “
“ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการหลายๆท่าน คงจะรู้สึกถึงความยากลำบากในการทำธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการที่มีคู่แข่งทางธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศ แต่เป็นต่างประเทศด้วย ซึ่งหากท่านอาจจะมองว่าการแข่งขันจะมีผลเพียง “แพ้” แต่ทำอย่างไรให้ทุกคนได้ “ชนะ”หรือ “เสมอ” กัน ซึ่งหากทุกคนมองแบบนี้เหมือนกัน ก็จะไม่มีผู้ใดที่จะพยายามทำให้ผู้อื่นต้อง”
”แพ้” จะมีแต่ความพยายามที่จะพาทุกๆคนเดินไปด้วยกัน และการทำธุรกิจต้องมองยาวๆ เอาเปรียบผู้บริโภคและสังคมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเร็วๆไม่ได้ ช่วยให้ธุรกิจยั่งยืน เพราะธุรกิจจะอยู่ได้ก็เพราะสังคมและคนในสังคมอยู่ได้ด้วยเช่นกัน.”