ผักคะน้าหน้าหนาวพ่นพิษ เหตุโตเร็ว งามไว ตัดไม่ทันขายดอกออก แม่ค้าสามารถเลือกซื้อตามไร่ผักได้ไม่ขัดสน ทำให้ราคาที่ไร่ถูกจนเจ้าของทนแบกภาระไม่ไหวตัดใจไถทิ้ง ให้เป็นปุ๋ยสดหมักปรับสภาพดิน เตรียมลงทุนปลูกงวดใหม่ ที่ตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
วันที่ 30 มกราคม 2558 ที่ตำบลบึงพระ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งปลูกผักคะน้าที่ดีที่สุดและเป็นแหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศ นายสำจัด โตกำแพง อายุ 65 ปี เกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้ารายหนึ่งของ ต.บึงพระ ได้ว่าจ้างรถไถมาไถแปลงคะน้าที่ปลูกไว้ทั้งหมด 5 ไร่ เนื่องจากทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
นายสำจัด เปิดเผยว่า ผักคะน้าที่เพาะปลูกมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้รับอากาศหนาวเย็นทำให้ผักคะน้าเจริญเติบโตได้ดี ลำต้นอวบอ้วน สวยงามน่ารับประทานแต่ขายไม่ได้ราคา เนื่องจากในพื้นที่มีเกษตรกรรายอื่น ๆ ปลูกผักคะน้ากันมาก ทำให้ราคาผักคะน้าตกต่ำเหลือเพียงถุงละ 20 บาท บรรจุถุงน้ำหนัก 5 กก. คิดเป็นราคาต่อกิโลกรัมเพียง กิโลกรัมละ 4 บาท ถึงแม้จะตัดส่งแม่ค้าได้ แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่นค่าลูกจ้างตัดกิโลกรัมละ 1 บาท ค่าจ้างชั่งและนำผักใส่ถุง ๆ 1 บาท รวมทั้งค่าถุงใส่ผักคะน้าอีก หักแล้วเหลือรายได้ที่จะได้รับเพียง 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น
นายสำจัด กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะถ่วงเวลาการเก็บเกี่ยวไว้ แต่ก็ยังไม่ช่วยให้ราคาดีขึ้น เนื่องจากมีคะน้ารุ่นหลัง ๆ โตทันขึ้นมา ประกอบกับอากาศหนาวเย็นในช่วงเดือนมกราคม เป็นช่วงที่คะน้าออกดอก คะน้าต้นอวบอ้วนของตนจึงแข่งกันออกดอกสะพรั่ง จึงตัดสินใจจ้างรถไถไถกลบเป็นปุ๋ยสดใส่ดินดีกว่า รวมถึงนำเงินที่จะต้องจ่าย ในส่วนของการบำรุงรักษา และค่าจ้างลูกจ้างที่จะต้องเสียไปในการตัดคะน้าส่งแม่ค้าไปจำหน่าย มาเป็นเงินลงทุนปลูกผักใหม่ในรุ่นต่อไปถึงแม้ว่าจะเสียดายก็ตาม โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกผักคะน้าในตำบลบึงพระตัดใจไถคะน้าทิ้งไปแล้วมากกว่า 100 ไร่