ชาวนา ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำที่ใช้ทำนา มาปลูกดอกดาวเรืองทดแทนทำนาข้าว ใช้น้ำน้อยกว่า ขณะที่ชาวนาจำนวนมากหันมารับจ้างตัดดอกดาวเรืองขาย ไม่อยากเสี่ยงปลูกข้าว หลังจากที่กรมชลประทานขอความร่วมมือให้งดปลูกข้าวนาปรัง
นางอำนวย ฤกษ์นุช อายุ 55 ปี เกษตรกรผู้ปลูกดาวเรืองที่ หมู่ 2 ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ปัจจุบันได้ลงทุนปลูกดาวเรืองอย่างจริงจังทดแทนการปลูกข้าว เนื่องจากมีรายได้ที่ดีกว่าการทำนาหลายเท่าตัว ซึ่งก่อนหน้าก็ทำนาอย่างเดียวแต่ในปีนี้ ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เนื่องจากกรมชลประทาน ไม่ปล่อยน้ำให้นาในพื้นที่พรหมพิราม จึงไม่สามารถที่จะปลูกข้าวได้
ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาหาอาชีพเสริมให้กับเกษตรกรแทนการทำนาปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว จึงได้เริ่มทดลองปลูกดอกดาวเรืองเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการทำนา โดยปลูกคู่กับน้องสาว บนเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ จำนวน 34,000 ต้น หักต้นทุนค่าแรงจากคนตัดและคนดูแลแล้ว จะเหลือกำไรประมาณ 340,000 บาทต่อเดือน
นางอำนวย เปิดเผยต่ออีกว่าการปลูกและดูแลดอกดาวเรืองไม่ยุ่งยากมากนัก หมั่นคอยดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ในช่วงนี้สภาพอากาศ จ.พิษณุโลก แปรปรวน มีฝนตกลงมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดเชื้อราสนิม หรือดอกช้ำ ประกอบกับต้องคอยเฝ้าระวังหนอนหนังเหนียว ซึ่งหากมากัดกินดอกดาวเรือง จะทำให้ดอกแคระแกรน ไม่ยอม ต้องยอมลงทุนตัดดอกทิ้ง พร้อมกับคอยฉีดยาไล่แมลง ถ้าทำตามขั้นตอนก็จะได้ดอกที่สวยงามและเป็นที่ต้องการของตลาด สำหรับราคาดอกดาวเรืองก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง ราคาดอกดาวเรืองจะสูงขึ้นมีกำไรอย่างดีทวีคูณ
นางคำฝัน กิจชิต อายุ 62 ปี คนงานรับจ้างตัดดอกดาวเรืองได้เล่าว่า ปกติตนทำนา 20 ไร่ แต่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปล่อยนาทิ้งไว้ เนื่องจากไม่อยากเสี่ยงปลูกข้าว หลังจากที่กรมชลประทานขอความร่วมมือให้งดปลูกข้าวนาปรัง และออกมายืนยันว่าจะไม่ปล่อยน้ำช่วยเกษตรกรผู้ทำนา ตนจึงมารับจ้างตัดดอกดาวเรือง สร้างรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 300 บาท ถ้าขยันทำมากก็จะได้มาก หากกรมชลปล่อยน้ำเมื่อไหร่ ก็ค่อยกลับไปทำนาควบคู่กันไป