จนท.ป่าไม้-กรมอุทยาน ตรวจยึดไม้ 174 แผ่น คาแปลงปลูกป่าเดิม ตีแปะบ้านในป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย ผู้ต้องหา 1 ราย พร้อมเลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง บริเวณป่าบ้านเขาหนองกบ ม. 10 ต. ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
นายไพรัช มณีงาม ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกัน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 นาย ธีรพล กาญจนโกมล สายตรวจ สายที่ 1 สบอ.11(พิษณุโลก), นายหน่อย ภู่น้อย หัวหน้าหน่วยฯพล 6 (พันชาลี) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลกพร้อมกำลังทหาร ช. พัน. 302 ,ตำรวจ ภ.6, ปกครองอำเภอวังทอง สนธิกำลังบุกจับผู้บุกรุกและตัดไม้ทำลายป่า ในเขตแปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเดิมอยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯปี 49 แต่ไม่มีงบประมาณดูแล อีกทั้งยังไม่ได้ส่งมอบให้กับกรมป่าไม้ ทำให้มีชาวบ้านเข้าบุกยึดถือครอง โดยมีการก่อสร้างที่พักชั่วคราวอยู่ในแปลงที่ดินหวงห้าม และมีไม้กระยาเลยจำนวนมากตีไม้ตีแปะในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย
กำลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 คน คือ นายสำเภา แร้งเกี้ยว ตรวจพิกัดความเสียหายถูกบุกรุก 74-3-36 ไร่ ตรวจนับไม้กระยาเลย แปรรูป 174 แผ่น คิดเป็นจำนวน 3.08 ลบ.ม. ยึดอุปกรณ์กระทำความผิด คือ รถยนต์ 1 คัน,เลื่อยโซ่ยนต์ 2 เครื่อง,ปืนไทยประดิษฐ์(ปืนแก๊ป) 1 กระบอก ฯลฯ บริเวณป่าบ้านเขาหนองกบ ม. 10 ต. ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ในเขตป่าสงวนฯป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย พิกัดกลางแปลง 47Q 0658867 UTM 1851552 รวบรวมเอกสาร ผู้ต้องหา ของกลาง นำส่ง พงส.สภ.วังทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ให้หน่วยฯ พล 6 กล่าวโทษดำเนินคดี
นาย ธีรพล กาญจนโกมล สายตรวจ สายที่ 1 สบอ.11(พิษณุโลก) กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ ลูกชายของนายสำเภา แร้งเกี้ยวน่าเป็นผู้เลื่อยไม้และแผ้วถางป่า บังเอิญว่า นายสำเภาอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนคำถามที่ว่า การจับกุมครั้งนี้ น่าจะเข้าข่ายยกเว้น ตามคำสั่งที่ 64 และ66/2557 ของคสช.ที่คสช.ไม่ได้ดำเนินการกับผู้ยากไร้ ซึ่งให้จับเฉพาะนายทุน นายธีรพลบอกว่า หากปล่อยเลื่อยโซ่ยนต์อยู่ในป่าจำนวน 2 เครื่องที่ซุกซ่อนไว้ ป่าคงหมดอีกเพียบ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงลงความเห็นให้ดำเนินการจับกุม ตามความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 48 แปรรูปไม้ และมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 54 ประกอบมาตรา 55 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินเพื่อตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต 