กลุ่มชาวนา อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ที่สมัครเป็นลูกจ้างของชลประทาน ทำงานช่วงที่รัฐบาลั่งหยุดการทำนาในช่วงฤดูแล้งนี้ ต่างเริ่มมาทำงานในอัตราจ้างวันละกว่า 300 บาทแล้ว ขณะที่ชาวนาโดยระบุขอให้เพิ่มเงินเนื่องจากงานหนัก ทำงานกลางแจ้ง และต้องใช้แรงงานมาก ด้าน ผอ.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเผย มีชาวนาสมัครมาทำงานน้อยกว่าโควต้าที่ต้องจ้าง 600 ราย
วันที่ 9 ธ.ค.2557 นายสมหวัง ปารสุขสาร ผอ.เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่จัดให้มีการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการงดการส่งน้ำเพื่อการทำนาปรังฤดูแล้ง ปี 2557/2558 โดยในส่วนของพื้นที่เขื่อนแควน้อยที่รับผิดชอบมี 4 อำเภอ คือ อ.วังโบสถ์ อ.พรหมพิราม อ.วังทอง และ อ.เมืองพิษณุโลก ได้รับงบประมาช่วยเหลือเกษตรกร เป็นเงินกระต้นเศรษฐกิจและเงินช่วยเหลือภัยแล้งรวม 13 โครงการ เพื่อจ้างแรงงานที่เป็นเกษตรกรและหยุดการทำนา จำนวน 600 คน ในอัตราค่าจ้างวันละ 300.45 บาท เพื่อพัฒนาคูคลองส่งน้ำ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งซ้ายและขวา ระบบคลองส่งน้ำสายใหญ่ และคูดินส่งน้ำที่อาจมีการตื้นเขิน เพื่อขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืชต่างๆ เพื่อให้ทางเดินของน้ำสะดวกขึ้น มีชาวนาสมัครมาทำงานน้อยกว่าโควต้าที่ต้องจ้าง 600 ราย
ขณะที่เกษตรกร ต.ท่างาม อ.วัดโบสถ์ กล่าวว่า ชาวนาส่วนใหญ่ อยากทำนามากกว่ามารับจ้างทำงานรายวัน เพราะ อย่างน้อยที่สุดการทำนายังได้ผลผลิตที่ดีเนื่องจาก อ.วัดโบสถ์เป็นพื้นที่ใต้เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเชื่อว่าจะมีน้ำเพียงพอสำหรับทำนา แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายให้หยุดการทำนาก็ต้องยอมรับ และออกมาทำงานรับจ้างตามโครงการจ้างงานของชลประทานเพราะมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ด้วยเงื่อนไขที่ต้องใช้แรงงาน ห้ามใช้เครื่องจักร ทำให้งานบางอย่างต้องใช้แรงงานมาก จึงอยากเรียกร้องให้มีการเพิ่มค่าจ้างเป็นวันละ 400 บาท