เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 57 พ.ต.ต.อนุชา เนตรจินดา ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งจากเจ้าของบ้าน ว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 80/8 ถ.ประชาอุทิศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เป็นบ้านปูน 2 ชั้น เปิดเป็นร้ายซ่อมและจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ โดยผู้แจ้งและเป็นเจ้าของบ้านคือ นายมงคล บ่อแก้ว อายุ 50 ปี อยู่บ้านที่ดังกล่าว ยืนรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่พร้อมพาไปตรวจสอบบริเวณประตูไม้หลังบ้านที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นทางเข้ามาภายในและขึ้นไปลักทรัพย์สิ้นภายในห้องนอนชั้นที่ 2 ภายในห้องพบลิ้นชักไม้ข้างเตียงนอนถูกคนร้ายยอกออกมาวางอยู่บนเตียงและรื้อค้นทรัพย์สินจนสิ่งของที่เก็บไว้ในลิ้นชักกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปนั้นเป็นเงินสดจำนวน 120,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 9 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 3 แสนบาท หายไป โดย
นายมงคล เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.15 น. ที่ผ่านมาตนเองได้พาครอบครัวเดินทางไปทอดกฐินที่วัดเพื่อทำบุญ แต่ก่อนที่จะทำพิธีทอดกฐินนั้นได้มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่าให้กลับมาบ้านก่อนเนื่องจากบ้านถูกงัด จึงรีบเดินทางกลับมาตรวจดูทรัพย์สิน ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.ธนาภรณ์ วรรณกิจ อายุ 41 ปี เล่าว่า เมื่อเช้านี้ก่อนออกจากบ้านพักได้ตรวจตราและปิดประตูจนหมดแล้ว แต่มีเพื่อนบ้านโทรให้กลับมาบ้านเนื่องจากถูกคนร้ายงัด ตนเองจึงรีบกลับบ้านและขึ้นไปดูทรัพย์สินที่เก็บไว้ในลิ้นชักของห้องนอนพบว่า เงินสดที่พึ่งถอนมาจากบัญชีธนาคารและเงินเปียแชร์ที่เตรียมไว้ให้บุตรสาวกำลังศึกษาอยู่ ไปทำกิจกรรมประกอบการศึกษาที่ฮ่องกงทั้งหมด 120,000 บาทเก็บไว้ในลิ้นชักหายไป และทองรูปประพรรณอีก 5 เส้น ประกอบด้วยสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 2 บาท 2 เส้น ,สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท 2 เส้น และสร้อยคอทองคำลูกสาว 1 บาท อีก 1 เส้น รวม 5 เส้นน้ำหนักรวม 9 บาท ที่เก็บไว้ในกล่องกำมะหยี่ก็หายไปทั้งหมดเช่นกัน
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ร้อยเวรได้ตรวจสอบและสอบสวนลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อเข้าตรวจสอบหาล่องรอยนิ้วมือแฝงของคนร้าย เพื่อนำไปตรวจสอบและติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป