เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 ต.ค.2557 พ.ต.อ.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผกก.สืบสวน3 บก.สส.ภ.6 พร้อมกับพวกได้ร่วมการแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีหลอกโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร เครื่อข่ายแก๊งไนจีเรีย ได้ผู้ต้องหาจำนวน 1 รายทราบชื่อคือนางเกศนี มหาโยธี อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/70 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 197/2557 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2557 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น พร้อมของกลาง ธนบัตรไทยจำนวน 299,000 บาท ธนบัตรมาเลเซีย จำนวน 150,000 ลิงกิต คิดเป็นเงินไทย 1,500,000 บาท สมุดธนาคาร บัตรเอทีเอ็มโทรศัพท์มือถือร่วม 47 รายงาน สามารถจับกุมได้ที่จ.สงขลา ขณะที่เตรียมตัวจะข้ามแดนไปประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ชุดสืบสวนภาค 6 ได้รับการร้องเรียนกับผู้เสียหายรายหนึ่งว่า ตนเองได้รู้จัดกับชาวต่างชาติผ่านทางโปรมแกรมเฟซบุ๊ค ชื่อว่านายเจมส์ ทอมสัน สัญชาติอังกฤษ โดยเข้ามาดูจาเกี้ยวพาราสี จนสนิมสนมและนายเจมส์ ได้บอกกับตนเองว่าได้ส่งเงินมาจำนวน 100,000 ปอนด์ หรือ 5 ล้านบาท ส่งมาแบบพัสดุ เพื่อจะนำเงินดังกล่าวมาซื้อคอนโดมิเนียมอยู่กับผู้เสียหายที่ประเทศไทย แต่ติดปัญหาเงินดังกล่าวติดอยู่ที่ศุลกากร จากนั้นได้มีหญิงสาวโทรมาหาผู้เสียหายว่าถ้าต้องการพัสดุที่มีเงินอยู่นั้นต้องโอนเงินมาชำระค่าศุลกากร จำนวน 39,000 บาท ผู้เสียหายจึงยอมโอนเงินไปที่บัญชีของนางเกศณี แต่หลังจากนั้นนายเจมส์ ก็ไม่ได้ติดต่อกับผู้เสียหายอีกเลย จึงได้นำมาสู่การแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว จนกระทั่งต่อมาชุดสืบสวนได้ทำการสืบค้นตรวจสอบจากชื่อในหมายเลขบัญชีของนางเกศนี และทำการขออนุมัติหมายจับสามารถจับกุมตัวได้ที่จ.สงขลา ขณะที่กำลังจะเบิกเงินจากธนาคารในประเทศไทยไปให้กับหัวหน้าก๊งชาวไนจีเรียที่ประเทศมาเลเซีย
ในเบื้องต้นนางเกศนี ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้รู้จักกับชายชาวต่างชาติตนดังกล่าวจริงและให้ตนเองเปิดบัญชีธนาคารไว้หลายบัญชีด้วยกันก่อนที่ตนเองจะนำบัตรเอทีเอ็มมอบให้กับน.ส.เดือน ไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริง จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.เดือน โทรมาหาตนเองว่าไม่สะดวกที่จะกดเงินผ่านบัตรเอทีเอ็มให้ตนเองเบิกเงินสดจากประเทศไทยและนำมาให้น.ส.เดือนที่ประเทศมาเลเซียจนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ในที่สุด
พ.ต.อ.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผู้กำกับสืบสวน งาน 3 ตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า อยากเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการใช้โปรแกรมโชเซี่ยลมีเดียเพราะที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เสียหายหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อจึงอยากให้ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อ สำหรับคดีรายนี้พอทราบเบาะแสตัวผู้กระทำความผิดแล้วจากนี้ไปก็จะพยายามเร่งดำเนินการจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
////