20 กันยายน 2557 ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสุวรรณ ภานุนำภา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าร่วมกับหน่วยทหารกองร้อยรักษาความสงบที่ 1 กองพลพัฒนาที่ 3 จากการนำของ ร.ท.อรรถกิจ สุดสวาสดิ์ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากการนำของ นาย อดิศร ขันวิชัย นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ตำแหน่ง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งการปฏิบัติงานในครั้งนี้เป็นการสนธิกำลังระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯด้วยการออกตรวจลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเพื่อที่เป็นการป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกและล่าสัตว์
โดยกำลังของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้มุ่งหน้าไปตามเส้นทางตรวจป่าระหว่างบ้านร่องกล้ากับบ้านตูบค้อ ขณะเดินทางตรวจป่าอยู่นั้น ได้มีชายหนึ่งคนขับมอเตอร์ไซค์สวนทางกำลังของเจ้าหน้าที่มา ท้ายรถมีถุงสัมภาระมัดติดท้ายรถมาด้วย นายสมัย หอมสิงห์ทอง เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าหัวหน้าห่นวยพิทักษ์ตูบค้อของอุทยานฯภูหินร่องกล้า ได้เรียกให้มอเตอร์ไซคันดังกล่าวจอดเพื่อทำการตรวจค้น แต่ไม่ยอมจอด จากนั้นรถคันที่สองที่ตามหลังเป็นรถของทหารกำลังของร.ท.อรรถกิจ ฯร.ท.อรรถกิจ สั่งให้รถจอดขวางทางมอเตอร์ไซค์ไว้ จากนั้นทั้งกำลังของทหารและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เข้าทำการตรวจค้น ชายคนดังกล่าวทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ ได้ลงจากรถ ล้วงกระเป๋ากางเกงและทำการโยนสิ่งของที่ล้วงมาจากกระเป๋าเข้าชายป่าข้างทางทันที ร.ท.อรรถกิจ กับทหารเข้าประชิดตัวทันที ทำการตรวจค้นและได้นำห่อพลาสติกที่โยนทิ้งออกมาพบเป็นยาบ้าจำนวน 200 เม็ด ในท้ายรถมีอาวุธปืนลูกซองยาวจำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 5 นัด ไม่พกบัตรประจำตัว และได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าตัวเองชื่อนาย ไพ้ แซ่เถา อายุ 55 ปีเป็นชาวเขาเผ่าม้งอยู่บ้านตูบค้อ หมู่ที่ 6 ตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ทหารว่ามีย้าบ้าไว้เสพเอง แต่ทางทหารไม่ปักใจเชื่อ
และในเวลาที่กำลังตรวจค้นเพิ่มเติมอยู่ ได้มีชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีเศษๆจำนวน 2 คน ได้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ตามหลังขบวนของเจ้าหน้าที่เข้าไป คาดว่าไม่รู้ว่ากำลังของเจ้าหน้าที่กำลังจับกุมยาบ้าอยู่บริเวณนั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่าอยู่บ้านไหน ชายหนุ่มก็ตอบอย่างมีพิรุธ ว่าอยู่บ้านร่องกล้า ทั้งที่เจ้าหน้าที่ก็รู้ว่าไม่ใช่คนบ้านร่องกล้าอย่างแน่นอนเพราะเป็นคนไทยพื้นราบ ไม่ใช่ชาวม้ง และได้ทราบชื่อว่า นาย ชื่นชม กลมเกลี้ยว และนาย ดวง จันทร์แสน ทั้ง2อยู่ที่ หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังเพชรบูรณ์ พอค้นตัวเจ้าหน้าที่พบเงินสดจำนวนหนึ่งหมื่นแปดพันบาท จึงทำให้เจ้าหน้าที่ปักใจเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายต้องมีการนัดซื้อขายกันอย่างแน่นอน แต่ทั้งสองยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกันแต่อย่างใด
จากนั้นทหารได้นำโทรศัพท์มือถือของนายไพ้ แซ่เถาผู้ต้องหาที่มียาบ้า 200 เม็ด โทรออกไปที่เบอร์รับสายครั้งล่าสุด ปรากฏว่าไปติดเครื่องของนาย ชื่นชม กลมเกลี้ยว ดังกล่าว ในที่สุดทั้งสองฝ่ายจึงได้รับสารภาพว่า ได้นัดซื้อยาบ้ากับนายไพ้ แซ่เถา ชาวม้งบ้านตูบค้อจริง และได้ยืนยันว่าได้รู้จักกันมาตอนอยู่ในคุก เพราะทั้งสองคือนายชื่นชม กลมเกลี้ยว และ นายไพ้ แซ่เถา เพิ่งจะพ้นโทษในคดียาเสพติดมาเมื่อไม่นานเช่นเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยรักษาความสงบที่ 1 กองพลพัฒนาที่ 3 ได้ส่งกองกับตำรวจภูธรอำเภอนครไทยดำคดีต่อไป บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นสันเขาเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดเลย กับ จังหวัดพิษณุโลก แต่บริเวณที่เกิดเหตุอยู่เขตอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก