เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 6 พร้อมด้วย สำนักงานพุทธศาสนา ตรวจสอบการตัดเศียรพระและรูปเทวดา เกือบ100 เศียร ที่วัดเกาะแก้ว ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก พบว่าเป็นวิหาร อยู่ในยุคสมัยอยุธยา อายุประมาณ 200 ปี ทำให้มีสภาพทรุดโทรมจนทำให้รูปปูนปั้นที่เป็นพระและเทวดา เศียรหักเพราะหมดอายุตามกาลเวลา ไม่น่าจะใช่ถูกตัดเศียร พร้อมทั้งเตรียมของบประมาณบูรณะ ทั้งหมดภายในวัด
วันที่18 ก.ย. 2557 นายบุญเรือง แตงก่อ ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแก่งชาติพิษณุโลก พร้อมด้วยนายประพันธุ์ ภักตร์เขียว หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช นายทวีศักดิ์ พานเงิน นายช่างเขียนแบบ สำนักงานศิลปากรที่6 สุโขทัย ได้เข้าตรวจสอบวัดเกาะหรือวัดเกาะแก้วตามชื่อเรียกของชาวบ้าน ม.4ต.จอมทอง อ.เมืองพิษณุโลก หลังมีการเสนอข่าวว่า มีการตัดเศียรพระและรูปเทวดา เกือบ 100 เศียร โดยเข้านมัสการพระอธิการจุฬา ชินสโร เจ้าอาวาส พร้อมสอบถามราบละเอียดที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นทางเจ้าอาวาสเปิดเผยว่า บริเวณดังกล่าวเป็นวิหารเก่าแก่ไม่ใช่โบสถ์เพราะไม่มีใบเสมา ซึ่งวิหารเก็บพระพุทธรูปเก่าโบราณของวัด ส่วนเศียรพระและเทวดาที่หายไปก่อนอาตมามาจำพรรษาอยู่ปี 2550 คาดว่าน่าจะถูกลักตัดไปก่อนหน้าที่ตนจะมาอยู่ที่วัดนี้ ทางวัดเองยังไม่มีเงินที่จะบูรณะ
ด้านนายประพันธุ์ ภักตร์เขียว กล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่า วิหารหลังดังกล่าว อยู่ในยุคอยุธยา ประมาณ200 ปี ทำให้มีสภาพทรุดโทรมจนทำให้รูปปูนปั้นที่เป็นพระและเทวดา โดยเฉพาะเศียรหักเพราะหมดอายุตามกาลเวลา ประกอบกับรูปปูนปั้นแต่ละองค์ไม่ได้เสริมเหล็ก จึงทำให้แตกหักง่าย ยิ่งมีนกมาจับหรือเกาะจนทำให้หักหล่นลงมา ถ้ามีการลักตัดจริง เศียรพระและเทวดาทุกองค์ต้องถูกตัดไปหมด แต่ยังมีหลายองค์ที่ยังสมบูรณ์
ด้านนายทวีศักดิ์ พานเงิน กล่าวว่า หลังมีการตรวจสอบพบว่าไม่มีการลักตัดเศียรพระและเทวดา แต่หักไปตามอายุของปูนปั้นที่หมดสภาพ ทางศิลปากร จะรวบรวมรายละเอียดเสนอไปทางผู้บริหาร พร้อมส่งข้อมูลไปให้ทางกรมศิลปากรที่กรุงเทพ เพื่อของบประมาณนำมาบูรณะ ซึ่งจะต้องบูรณะโบราณสถานทั้งหมดภายในวัด ร่วมทั้งวิหารยุคอยุธยา วิหารยุคหลวงปู่แจงและเจดีย์ราย โดยกรมศิลปากรจะเข้ามาดำเนินการเองทั้งหมด
///////////