เวลา 9.00 น.วันที่ 24 สิงหาคม 2557 ได้มีการเรียกประชุมประชาชนที่อยู่ในย่านเศรษฐกิจตัวเมืองพิษณุโลกและได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่อยู่ในแนวเขตที่ดินกำแพงเมืองเก่า – คูเมือง พิษณุโลก ณ.หอประชุม สมาคมจีน อ.เมือง พิษณุโลก โดยเป็นการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและกำหนดแนวทางการแก้ไขของผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตแนวกำแงแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก ที่เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา เวทีวันนี้เป็นการจัดร่วมกันโดยผู้ได้รับผลกระทบที่มีจำนวนประมาณ 400 ราย สภาทนายความจังหวัดพิษณุโลก คณะผู้วิจัยการศึกษาความเป็นไปได้และได้รับผลกระทบ ที่ประกอบด้วยผศ.ดร.พนิดา จงสุขสมสกุล และดร.ภคพร วัฒนดำรง ร่วมดำเนินการ
ก่อนที่จะเปิดเวทีสำรวจความคิดเห็นและหาแนวทางความช่วยเหลือ คณะกรรมการได้ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ มีร้านค้า บ้านเรือน โฉนดที่ดิน ที่คาดว่าอยู่ในแนวเขตกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก ที่ส่วนใหญ่เป็นย่านการค้าและบ้านเรือนประชาชน ได้ลงชื่อ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน รวบรวมไว้ พร้อมกับให้ประชาชนได้กรอกแบบสอบถาม ให้ผู้ได้รับผลกระทบได้กรอด เพื่อรวบรวมข้อมูล ผลกระทบ ของผู้อยู่อาศัยในแนวกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก เพื่อนำไปสู่การตกลงที่ดีระหว่างยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชน
นายสาโรจน์ จันทรคีรี ประธานสภาทนายความจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า การประชุมผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตแนวกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลกวันนี้ สภาทนายความได้รับการร้องขอให้มาช่วยเหลือในด้านกฎหมาย หลังจากภาครัฐมีการประกาศเขตแนวกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก และต้องเข้าใจว่า เราไม่ได้มาคัดค้านกฎหมาย แต่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีทางออกอย่างไร หากภาครัฐดำเนินการประกาศออกมาเป็นนสล. หรือ หนังสือสำคัญที่หลวงในแนวเขตดังกล่าว
นายสาโรจน์ เผยต่อว่า กำแพงเมืองและคูเมืองพิษณุโลกมีมานานตั้งแต่สมัยอยุธยา เรื่อยมาจนถึงรัตนโกสินทร ที่ได้รื้อแนวกำแพงออก เพื่อป้องกันการซ่องสุม และต่อมาจังหวัดได้พัฒนาเรื่อยมา ยังคงมีเพียงบางส่วนที่ยังคงสภาพแนวกำแพงอยู่ เช่น กำแพงเมืองที่วัดโพธิญาณ คูเมือง และกำแพงเมืองที่ศาลปู่ดำ แต่ที่ผ่านมา แนวกำแพงบางส่วนได้มีการพัฒนาเป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัย อีกทั้งมีการออกโฉนดที่ดินบนแนวกำแพงเมือง-คูเมือง แต่เมื่อภาครัฐเข้ามาเริ่มดำเนินการประกาศเขตแนวกำแพงเมืองเก่า แนวกำแพงเมืองเหล่านี้ก็ต้องเป็นสมบัติของแผ่นดิน เพียงแต่ว่าขณะนี้ยังระงับไว้ก่อน ยังไม่ได้ประกาศบังคับ เนื่องจากมีการรวมกลุ่มประท้วงของผู้ได้รับผลกระทบ แต่ ณ ขณะนี้ ต้องมีรวมรวมผู้ได้รับผลกระทบ ศึกษาปัญหาในทุก ๆ ด้าน เพื่อนำเสนอข้อมูลให้ภาครัฐได้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
นายจรูญ วิเชียรไพศาล นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน จ.พิษณุโลก และเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากแนวกำแพงเมือง มีร้านค้าอยู่บนถนนมหาธรรมราชา ซึ่งอยู่ในแนวเขตกำแพงเมืองเก่า เปิดเผยว่า การประกาศแนวเขตกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก ชาวพิษณุโลกได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะย่านตลาดร้านค้า ที่การพัฒนาในอดีตที่ผ่านมาได้เป็นอาคารพาณิชย์และบ้านเรือนไปหมดแล้ว รวมถึงมีการออกเอกสารสิทธิที่ดินด้วย ปัจจุบันก็มีปัญหาเรื่องความกังวล สภาพจิตใจ เพราะไม่มั่นใจในอนาคต การประชุมวันนี้น่าจะรวมตัวกันเพื่อสรุปปัญหาและเสนอทางออกให้รัฐช่วยแก้ไข
ปัญหาผลกระทบของประชาชน ในการประกาศเขตแนวกำแพงเมือง-คูเมืองพิษณุโลก สืบเนื่องจากช่วงปี 2551 กรมธนารักษ์ได้มีการสำรวจรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) ในพื้นที่กำแพงเมืองเก่า คูเมืองพิษณุโลก เพื่อต้องการอนุรักษ์แนวเมืองเก่า โดยเตรียมเพิกถอนโฉนดและเปลี่ยนหนังสือเช่า (นสล.)แทน ห้ามก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ในแนวเมืองเก่า เว้นการปรับปรุงให้เสื่อมไปตามกาลเวลา ส่งผลให้ผู้ประกอบการหรือผู้มีตึกอาคารพาณิชย์บริเวณดังกล่าวจำนวนมากได้รับผลกระทบ อาทิ ถนนมหาธรรมราชา ถนนเอกาทศรถ มีการต่อต้านและระดมความคิดหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและราชการหลายครั้งในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ผลทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในสมัยนั้นๆ ไม่กล้าเซ็นต์ลงนามกรณีดังกล่าว เพียงแต่เก็บเรื่องคงไว้ ทุกครั้งประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่มั่นใจว่า กรรมสิทธิ์ที่ดินของตนเองจะสูญหายไปเมื่อใด ประกอบกับเรื่องดังกล่าวนี้เตรียมบังคับใช้กฎหมายแนวกำแพงเมืองเก่าพร้อมๆกัน 5-6 จังหวัดในเขตเมืองเก่าต่างๆทั่วประเทศ