วันที่ 22 สิงหาคม 2557ที่บ้านไผ่ขอดอน ม. 2 ต.ไผ่ขอดอน อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านไผ่ขอดอนได้รวมกันย่างหนูนาขาย เป็นอาชีพเสริมให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านได้อย่างดีในช่วงฤดูฝนนี้ ในแต่ละวันที่รวมตัวกันออกดักหนูกลางทุ่งนา สามารถจับหนูนาได้ถึงคืนละ 500 ตัว และจับมาได้เท่าไหร่ นำมาชำแหละ ย่างให้หอมกรุ่น หามาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ทั้งชาวบ้านและคนนอกหมูบ้านมารับซื้อหมดเกลี้ยง
เช้าวันนี้ ที่บ้านนางน้ำหวาน ศรีภิรมย์ บ้านเลขที่ 35/5 ม.2 ต.ไผ่ขอดอน อ.เมือง จ.พิษณุโลก บรรดาลูก ๆ และเพื่อนบ้านของน้ำหวานประมาณ 10 คน ต่างช่วยกันทำหนูนาย่าง โดยเริ่มจากการทำความสะอาดหนูหนาที่จับได้มาเมื่อคืนนี้จำนวน 500 ตัว ทำการตัดหัว ตัดตีน ต้ม ชำแหละนำเครื่องในออก รวมถลกหนังหนูนาออก จนได้หนูนาสดเนื้อสีขาว และล้างด้วยน้ำเกลือ จากนั้น นางน้ำหวานจะทำหน้าที่ย่างหนูนาบนเตาถ่านที่ร้อนระอุ จนได้เนื้อหนูที่เหลือง สุกพอประมาณ เสร็จแล้วก็นำมาวางเรียงบนใบตองรอลูกค้ามารับ ที่วันนี้ หามาได้ 500 ตัว น้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม มีลูกค้าทั้งในและนอกหมู่บ้านมาเหมาจองหมดแล้ว
นางน้ำหวาน เปิดเผยว่า พวกตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป บางครอบครัวก็ทำนา ในช่วงหน้าฝนนี้ ได้รวมตัวกันออกจับหนูนามาย่างขายเป็นอาชีพเสริม ออกหาหนูนาตามท้องทุ่งในเขตต.บ้านกร่าง ต.ไผ่ขอดอน ต.จอมทอง โดยพวกผู้ชายในหมู่บ้านประมาณ 7 คน จะนำกับดักหนู หรือ จานดักหนู ที่เป็นเครื่องดักหนูที่ดักหนูตามบ้าน นำไปดักหนูตามทุ่งนา ในแต่ละคืนก็จะเฉลี่ยวันละ 500 ตัว เมื่อดักได้รุ่งเช้า พวกญาติ ๆ และเพื่อนบ้านที่รออยู่ที่บ้าน ก็จะมาช่วยกันทำหนูนาย่าง บางทีทำไม่ทันก็จ้างเพื่อนบ้านทำหนูนาในราคาตัวละ 80 สตางค์ เมื่อย่างเสร็จแล้ว ก็พร้อมจำหน่าย โดยหนูนาสดตนขายในราคากิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนหนูนาย่างขายกิโลกรัมละ 150 บาท
นางน้ำหวาน เผยต่อว่า ช่วงหน้าฝนนี้เป็นฤดูกาลล่าหนูนา เพราะหนูนาเนื้อกำลังมันส์ อร่อย เป็นที่นิยมของคนกิน หนูนาเป็นศรัตรูพืช ที่กัดกินต้นข้าวและรวงข้าว ทำให้เนื้อหนูนาช่วงนี้อร่อย และความต้องการสูงมาก ขณะนี้ หามาได้เท่าไหร่ ก็ขายหมด มีทั้งคนในหมู่บ้านที่ซื้อและคนนอกหมู่บ้านมาซื้อถึงที่ เป็นรายได้เสริมที่ดีของชาวบ้านไผ่ขอดอนหลายครอบครัว