เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระยะ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก จากกรณีมีการสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขนาดใกล้เคียงเท่าองค์จริง โดยมีการสร้างวิหารชั่วคราวเอาไว้บริเวณสี่แยกอินโดจีน ทั้งที่บริเวณดังกล่าวในอนาคตจะมีการก่อสร้างทางยกระดับ และต้องมีการรื้อสิ่งปลูกสร้างบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดออก แต่กลับมีการนำองค์พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมาประดิษฐานไว้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นหน่วยงานใด หรือภาครัฐมาดำเนินการด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่คนจังหวัดพิษณุโลกและคนไทยทั่วประเทศนิยมไปกราบไหว้กันที่บริเวณพระราชวังจันทน์ หรือโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมเดิม หรือเส้นทางไปค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องจากเป็นที่ประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีการสร้างพระบรมนุสาวรีย์เอาไว้ที่บริเวณดังกล่าว เพื่อเป็นที่กราบไหว้และระลึกถึงคุณงามความดีต่อชาติไทย จนมีการสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่บริเวณสี่แยกอินโดจีน ซึ่งเป็นข้อสงสัยของคนทั้งจังหวัด ตลอดทั้งการนำไปประดิษฐาน สภาพทั่วไปเหมาะสมหรือไม่ และได้รับการอนุญาตจากหน่วยราชการหรือไม่จากการสอบถาม นายพีระพล พิสณุพงศ์ ผอ.ศิลปากรที่ 6 เปิดเผยว่าตนไม่ทราบมาก่อน ถ้าเป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติขนาดใหญ่เท่ากับองค์จริงขึ้นไป ถ้าจะสร้างไว้สักการะไม่มีข้อห้าม แต่รูปต้องเหมือนหรือไม่ว่ารูปร่างหน้าตา ในลักษณะอนุสาวรีย์แห่งชาติต้องเข้ามาในคณะกรรมการ หากจะสร้างพระบรมรูปพระราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-9 ต้องขออนุญาตและขอพระราชทานด้วย ส่วนพระมหากษัตริย์ก่อนพระบรมรูปพระราชวงศ์จักรี ถ้าสร้างเป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชาติต้องขออนุญาต แต่การสร้างในลักษณะไว้กราบสักระสามารถทำได้ แต่ในการสร้างทั่วไปสังคมต้องดูแล ถ้าดูว่าไม่สมพระเกียรติหรือไม่ อย่างเช่นที่มีการก่อสร้างพระบรมรูปอนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางท่าวที่นครไทยอย่างนั้นต้องขออนุญาตด้านนายอดิเทพ ศิริเจริญพันธ์ รองนายก อบจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า มีการขออนุญาตใช้พื้นที่ตั้งแต่สมัยที่ผ่าน โดยเลขานายกคนเก่า ซึ่งทาง อบจ.พยายามคัดค้าน ไม่ได้อนุมัติ แต่มีการดันสร้างและใช้พื้นที่ และมีนายทหารออกมาคัดค้านเช่นกัน แต่มีความพยายามที่จะสร้างและใช้พื้นที่ดังกล่าวชั่วคราวเท่านั้น