วันนี้( 12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณแม่สู้ชีวิตได้รับรางวัลคุณแม่ดีเด่นของ ม.มหิดล คือ รางวัลแม่สู้ชีวิตประเภทลูกพิการ ภาคเหนือ คือ คุณแม่กุลยา เดชพงศ์ อายุ 53 ปี มีอาชีพเป็นหัวหน้าวอต โรงพยาบาลพุทธชินราช เป็นชาว อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก แต่ด้วยหน้าที่เป็นพยาบาล ก็ได้พาครอบครัวลูก มาอยู่ที่ห้องพักของโรงพยาบาลพุทธชินราช โดย โดยมีบุตรธิดา 3 คน บุตรคนสุดท้องเป็นบุตรสาว มีอการออทิสติก และความิการทางสายตาแต่กำเนิด ซึ่งการรักษาของแพทย์มีโอกาสหายน้อยมาก และสายตา อาจจะไม่สามารถมองเห็น หรือ อาจเห็นแบบเลือนรางเท่านั้น คุณแม่กุลยา ก็ไม่ละความพยายาม โดยหวังว่าอาจมีปาฏิหาริย์ที่ช่วยบุตรสาวมองเห็นได้ ทุกสัปดาห์ แม่กุลยาต้องเดินทาง ไป-กลับพิษณุโลก-กรุงเทพฯ เพื่อพาบุตรสาวเข้ารับการรักษาและผ่าตัดในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ ติดต่อกันนานถึง 2 ปี จนในที่สุดก็ทราบว่า ไม่มีทางรักษาบุตรสาว ได้ แม่กุลยา จึงได้ติดต่อกับโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสได้เล่าเรียนเหมือนเด็กทั่วไป
ปัจจุบันบุตรสาวอายุ 21 ปี แล้ว ทุกๆเช้าแม่กุลยา ก่อนไปทำงาน แม่จะต้องอาบน้ำป้อนข้าวลูก และพักเที่ยงก็จะรีบกลับบ้านเพื่อป้อนข้าวกลางวัน ทำเช่นนี้มานานกว่า 20 ปี โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท้อถ้อย หรือ น้อยใจในโชคชะตา ในขณะเดียวกันลูกอีก 2 คนก็เอาในใจใส่ไม่แพ้กัน จำพร่ำสอนให้พี่น้องรักและดูแลกัน สอนให้บุตรเป็นคนดีของสังคม โดยทางมหาลัยมหิดล ได้คัดเลือกได้รับรางวัลคุณแม่สู้ชีวิตประเภทลูกพิการ ภาคเหนือ แลมอบรางวัลเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา
คุณแม่กุลยา กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งตนเองได้พยายามเลี้ยงลูกทุกคนให้เป็นคนดี ส่วนบุตรสาวที่พิการ นั้น ตนเองก็ไม่ย่อท้อดูแลและรักใคร่ไม่แพ้กัน การดูแลลูกคนเล็กนั้น จะต้องแบ่งเวลาในการทำงานกันที่บ้านให้ดี เพื่อที่จะให้ลูกไม่ขาดความอบอุ่น
ส่วนคุณแม่รับรางวัล คุณแม่อายุ 100 ปี ภาคเหนือ ของมหาวิทยาลัยมหิดล คือ คุณแม่สุณีย์ เสน่หา อายุ 101 ปี เป็นชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตได้เสียชีวิตไป เมื่อ 30 ปี ที่ผ่านมา เหลือลูกชายคนเล็ก อายุ 58 ปี รับราชการตำรวจ สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีหลานด้วยกัน 7 คน เหลน 8 คน อาชีพเดิมขายขนมจีน และกับข้าวสำเร็จต่างๆ ปัจจุบันคุณแม่สุณีย์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถเดินไปมาในบ้านโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า อาบน้ำ กินข้าว ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถหุงข้าวเลี้ยงสุนัข กวาดบ้าน ซักผ้าด้วยตนเอง
คุณแม่สุณีย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อาหารที่ชอบรับประทานมาก คือเนื้อปลา น้ำพริก ผักจิ้ม แกงส้ม จะไม่รับประทานเนื้อ และสัตว์ใหญ่เลย เวลาว่างก็จะทำงานบ้านเล็กน้อยๆ เพื่อบรรเทางานอื่นๆให้ลูกๆ หลาน อีกทั้งถือว่าเป็นการออกกำลังกายอีกด้วย
โดยเนื่องในวันแม่แห่งชาติปีนี้ลูกชาย ได้บอกรักแม่และก้มกราบแม่ ซึ่งคุณแม่สุณีย์ ก็ให้พร ลูกๆ ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ให้เจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งถือว่าเป็นพรที่ดีที่สุดของแม่ที่ต้องการเห็นลูกๆ มีอายุยืนเหมือนตนเอง
////