เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ส.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิคม สุภาพพร รอง ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักทัพยากรป่าไม้4 เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.พิษณุโลก นายวิชาญ ขันธ์แก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.8 (น้ำยาง) และตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่บ้าน หมู่ 11 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังสืบทราบว่ามีผู้บุกรุกแผ้วถางป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา พบมีพื้นที่ป่าถูกแผ้วถางเพื่อปลูกสวนยางพารา จำนวนหลายพื้นที ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำแผนที่ถ่ายทางอากาศมาเปรียบเทียบกับพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบพื้นที่ป่าโดยรอบพื้นที่ทำกินของประชาชน
หลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ นายธีรภัทร อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ในการตรวจสอบพื้นที่บุกรุกป่าในวันนี้ ทางกรมป่าไม้ได้ร่วมกับทหารกองทัพภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจสำรวจพื้นที่ป่าในพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พบว่ามีนายทุนรายหนึ่งทำการบุกรุกป่าเพื่อทำกิน ปลูกยางพารา มันสำปะหลัง และรีสอร์ทเล็กในพื้นที่ หมู่ 11 บ้านใหม่พนมทอง ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จำนวนหลายพันไร่ และที่ตรวจสอบจากแผนที่ชัดเจนไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่แล้ว 1,200 ไร่ มี น.ส.3 ส่วนอีกกว่า 2,500 ไร่ เป็นการบุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ต้องทำงานร่วมกันในการยับยั้งและขอพื้นที่ป่าคืนจากนายทุนรายนี้กลับมา นอกจากนี้ยังทางเจ้าหน้าที่ยังได้แบ่งกำลังอีก 1 ส่วน ไปตรวจสอบในพื้นที่สวนเมี่ยง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เนื่องจากมีนายทุนมาซื้อพื้นที่ปลูกยางพาราเช่นกัน
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า ต่อไปนี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเข้ามาปราบปรามการบุกรุกป่าอย่างจริงจัง มาตรการแรก คือเพิ่มประสิทธิภาพ ในการาปรับปรุงพัฒนารักษาป่าในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ที่พบว่า มีการบุกรุกป่า จำนวน 4 อำเภอ คือ อ.วังทอง อ.วัดโบสถ์ อ.นครไทย และ อ.ชาติตระการ ซึ่งมากที่สุดคือ อ.วังทอง และ อ.นครไทย ที่มีการบุกรุกกว่าหมื่นไรทีเดียว โดยในการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพนั้น จะต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่บุคลากร อุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนหน่วยพิทักษ์ป่ามากขึ้น โดยใน จ.พิษณุโลก จะเพิ่มทั้ง 5 หน่วย และจังหวัดใกล้เคียงอีก 10 หน่วย
ส่วนมาตรการต่อไป ก็จะต้องเน้นย้ำให้มีการลาดตระเวนพื้นที่ป่า โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ มาทำการตรวจสอบ ทั้งการเดิน และการถ่ายภาพทางอากาศมาถ่ายภาพถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพป่าทั้งอดีตและปัจจุบัน และในวันที่ 5 สิงหาคม นี้ ทางกรมป่าไม้ จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า เพื่อลงนามข้อตกลงในการนำภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่ป่าทั่วประเทศมาใช้ในจังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่นำร่อง พร้อมกับจะนำเครื่องบินอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV มาบินตรวจป่าในพื้นที่จุดเสี่ยง เพื่อตรวจสอบการบุกรุกดังกล่าว นอกจากทางจังหวัดพิษณุโลก จะได้ร่วมกับกรมป่าไม้ ในการสำรวจการบุกรุกพื้นที่ป่ารายใหม่ เพื่อดำเนินคดีอย่างเข้มงวด จะไม่ให้กระทบต่อชาวบ้านที่อยู่เดิม และคนจน โดยเฉพาะดูการเปลี่ยนมือของนายทุน ก็จะเข้ามาตรวจสอบ และถ้าผิดจะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที
หลังจากนั้นทางอธิบดีกรมป่าไม้ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ป่าในพื้นที่ อ.ชาติตระการ อ.วัดโบสถ์ และ อ.นครไทย อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมรายงานให้กับตนเองทราบทันที หลังจากนั้นจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ต่อไป.