วันที่ 21กรกฎาคม2557 ที่ สภ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก นายสำรวย ภู่สุวรรณี ผู้ใหญ่ บ้านหมู่ 7ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ พร้อมผู้ต้องหาคดีมีไม้เถื่อนไม้ในครอบ คือ นายสำเรียง แซ่เรือง และ นายชาญ ศรีสุนันท์ นายบุญธรรม ราษฎร ม.7 ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารบุกจับไม้เถื่อนคาบ้าน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2557 ได้เดินทางเข้าแจ้งความ กับ ร.ต.ท.ชัยยศ เนินศรี ร้อยเวรสภ.วัดโบสถ์ ตามคดี192/57 โดยมี พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ พูลเผ่าดำรง ผู้กำกับสภ.วัดโบสถ์ ลงมาดูแลคดีด้วยตัวเอง เนื่องจาก คดีนี้ ผู้ต้องหา กลายเป็นโจทก์ ร้องทุกข์กล่าวโทษ เนื่องจากถูกมิฉาชีพหลอกเงินค่าเคลียร์คคีจากการผู้ถูกจับกุมตาม พรบ.ป่าไม้ให้หลุดพ้นได้ โดยอ้างตัวว่าเป็นเด็กหน้าห้องทำงานและพักอยู่ที่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
นางสำราญ แซ่เรือง 104 ม.7 ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ ภรรยาของผู้ต้องหาคดีซุกไม้เถื่อน กล่าวว่าสามีตนถูกจนท.ป่าไม้และทหารจับกุมพร้อมยึดไม้แปรรูป บ้านพักของตน ซึ่งวันนี้สามีตนก็เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตาม พรบ.ป่าไม้ แต่หลังเหตุการณ์จับกุมเพียง 1 วัน มีโทรศัพท์จากผู้ชายคนหนึ่งโทรไปหาผู้ใหญ่บ้านในช่วงเช้า (เวลาประมาณ8.00 น.) ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 57อ้างชื่อว่า นายวันชัย ทำงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกและอยู่ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก โดยบอกว่า ทางผู้ว่าฯเห็นใจชาวบ้าน ที่ชาวบ้านถูกจับกุม ยินดีจะช่วยเหลือ ไม่ได้ดำเนินคดีและจะนำไม้แปรรูปคืนให้ชาวบ้านทั้งหมด ทำให้ตนตื่นเต้นและดีใจที่มีคนมาช่วยเหลือ
โดยนายวันชัย ได้ถามผู้ต้องหาทั้ง 3 คนว่า มีกำลังเท่าไร ไม่ได้บังคับ เพียงแต่จะนำไปให้ป่าไม้และตำรวจ ทำให้ สามีตนและเพื่อนบ้านอีก 2 คนที่ถูกป่าไม้จับดำเนินคดี ที่นั่งอยู่กับผู้ใหญ่บ้าน ยินดีที่จะจ่ายเพื่อหลุดพ้นคดี ต่างกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านรวบรวมเงินสดได้ทั้งหมด 3 หมื่นบาทมามอบให้กับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อโอนเงินไปให้กับ นายวันชัย วิจิตรกุล ที่ ธนาคารธนชาติ สาขาจังหวัดทางภาคใต้แห่งหนึ่ง เวลา 10.00 น.ซึ่งผู้ใหญ่ไปโอนที่ธนาคารออมสินเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นก็คุยทางโทรศัพท์ อ้างว่า ได้เคลียร์กับจนท.ป่าไม้15,000 บาท และตำรวจร้อยเวร 15,000 บาท และจะนำเอกสารคืนไม้เถื่อนมาให้ พร้อมจะมานั่งกินข้าวด้วยวันเสาร์ หลังจากนั้นต่อมา ก็ไม่มีเสียงโทรศัพท์ตอบรับอีกเลย และนายวันชัย ก็ไม่ปรากฏตัวเลย ทำให้ตนรู้ว่า ถูกหลอก ไปหลงเชื่อคำพูดหว่านล้อม แถมบอกว่าให้เก็บใบสลิปเงินโอนไว้ดีๆด้วย
นายสำรวย ภู่สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ กล่าวว่า มายืนหนังสือชี้แจงเรื่อง ตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ นั้นไม่เป็นความจริง จริงๆ แล้ววันแรก ตนเดินทางไปเพื่อปรึกษาคดีตำรวจก่อน กระทั่งมาดำเนินแจ้งความดำเนินคดีนี้
พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ พูลเผ่าดำรงค์ ผู้กำกับสภ.วัดโบสถ์ กล่าวว่า คดีนี้ ต้องแยกเป็น 2 คดี กรณี ผู้ต้องหา3 รายก็ต้องมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี พรบ.ป่าไม้ ส่วนอีกคดี คือ คดีฉ้อโกง ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ก็จะต้องหาตัวผู้รับโอนปลายทาง ส่วนที่ชาวบ้านมาแจ้งความช้านั้น ทั้งๆที่หลังเกิดเหตุก็มาโรงพัก สภ.วัดโบสถ์ แต่เป็นแค่ปรึกษาและเกรงกลัวต่อความผิดซ้ำซ้อน ต้องแยกคคีออกจากกัน กระทั่งชาวบ้านมาแจ้งความวันนี้ ก็เชื่อว่า ติดตามหาผู้แอบอ้างเป็นหน้าห้องผู้ว่าฯ ได้แน่นอน
ต่อมา เวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ชาวบ้านทั้งหมด ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกเพื่อพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก แต่ติดราชการ จึงมอบให้ นายประทีป ศิลปเทศ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ลงมารับหนังสือ ชี้แจงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด กรณี ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน แอบอ้างเป็นหน้าห้องผู้ว่าฯรับเคลียร์
ด้านนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนรับทราบปัญหาอ้างเด็กหน้าห้องผู้ว่าฯ ไปติดต่อเคลียร์คดีป่าไม้ ยืนยันว่า ไม่มีชื่อนายวันชัย ทำงานหน้าห้องหรือทำงานที่จวนอย่างแน่นอน เรื่องนั้น ตนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ถ้านิ่งถือว่า ยอมรับ ฉะนั้นผมจะตามตัวให้ถึงที่สุด มิจฉาชีพมาอ้างชื่อตนมาหากินกับคนที่เดือดร้อนเชื่อว่า เป็นคนในวงการที่รู้ความเคลื่อนไหวคดีนี้