เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 8 ก.ค2557 นายจิรชัย มูลทองโร่ย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานคณะตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว ชุดที่ 52 จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.อ.นิรันทร์ พึ่งโต รองเสนาธิการ กองบัญชาช่วยรบที่ 3 และคณะ เดินทางไปตรวจโกดังข้าวพีเคไรซ์ เลขที่ 18/9 หมู่ 5ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นโกดังเก็บข้าวขาว 5 % ประจำปีการผลิต 2555/56 มีจำนวนข้าว 230,760 กระสอบ
ซึ่งวันนี้การตรวจที่โกดังคลังสินค้ากลาง ถือว่าเป็นวันที่ 2 ในเขตอ.บางระกำ ที่กำหนดตรวจในบางระกำ จากทั้งหมด 11 แห่ง เบื้องต้นตรวจกองข้าว ทั้ง 15 กอง และทำการสุ่มตรวจเจาะข้าวลงไป 15 ชั้น เพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ทหารจะได้เก็บตัวอย่างข้าว ในโกดังแห่งนี้ เพื่อไปตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนที่คลังสินค้ากลาง อตก. บริษัท เกษตรไพศาลธัญกิจ จำกัด ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก คณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวของรัฐชุดที่ 61 เข้าตรวจสอบข้าวสารจำนวนมากกว่า 300,00 กระสอบ ที่ผ่านการสีแปรสภาพ หลังจากเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 เบื้องต้นคณะทำงานต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
ขณะเดียวกันคณะทำงานต้องจัดกำลังสนับสนุนและคนงานช่วยเหลือในการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ข้าวมีจำนวนมาก และการตรวจสอบครั้งนี้เป็นการตรวจสอบข้าวเชิงคุณภาพ ต้องได้ผลการตรวจสอบที่ชัดเจนเชื่อถือได้ เบื้องต้นในช่วงเช้ายังไม่ผิดสิ่งผิดปกติในการตรวจวันนี้แต่อย่างใด
ขณะที่พลตรีธนา จารุวัต เสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการห้ามสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวการตรวจโกดังเก็บข้าว ว่า ทางกองทัพไม่ได้ห้ามสื่อมวลชนในการเผยแพร่ข่าวการออกตรวจโกดังที่เก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวกับทางรัฐบาล เพียงแต่ขอความร่วมมือในการเผยแพร่ข่าวที่จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศเท่านั้น มิใช่นำเสนอแต่ด้านลบเพียงอย่างเดียว ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในโกดังต่างๆพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงได้ขอความร่วมมือไปยังสื่อมวลชนแขนงต่างๆให้นำเสนอข่าวที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยสำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังเก็บข้าวในพื้นที่ต่างๆนั้นหากพบว่ามีการทุจริตก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป