วันที่ 27 มิ.ย.2557 เภสัชกรอัปสร บุญยัง รองหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยเภสัชกร ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบและผลิตยาลดความอ้วน หลังจากทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภครายหนึ่ง เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2555 ว่าได้ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Miracle Slim Plus ผ่านทางเฟชบุ๊ค เพื่อใช้ลดน้ำหนัก หลังจากรับประทานไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วมีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน แขนขาอ่อนแรง จนไม่สามารถทนอาการข้างเคียงได้ จึงได้หยุดรับประทานแล้วมาร้องเรียนต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
หลังจากนั้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 6 และทหารกองทัพภาคที่ 3 ได้ร่วมกันติดตามและสืบสวนหาผู้ผลิตยาดังกล่าว และพบว่ามีสถานที่แบ่งบรรจุอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก จึงได้สอบสวนจนกระทั่งเข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Miracle Slim Plus ตั้งอยู่เลขที่ 85/2 หมู่ 2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านของอดีตนายทหาารรายหนึ่ง และจากการตรวจสอบพบการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจริง โดยมีการจัดสถานที่ อุปกรณ์การผลิต และยาแผนปัจจุบัน จำนวนมาก ที่ผู้ผลิตอ้างว่าเป็นสารสกัดจากสมุนไพร ซึ่งระบุว่าเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว โดยได้รับยามาจากเครือข่ายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลาง ทั้งหมด 24 รายการ มีมูลค่าขายในท้องตลาดประมาณ 3.2 ล้านบาท จากราคาขายกล่องละ 2,250 บาท
เภสัชกรอัปสร บุญยัง รองหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบว่า ตัวยา ซึ่งภายในบรรจุภายในผลิตภัณฑ์ พบว่าเป็นยาปัจจุบัน จำนวน 6 ชนิดที่มีผลข้างเคียงต่อระบบประสาท โดย3 ชนิดที่ตรวจพบ คือ ยาฟลูอ๊อกซิติน เป็นตัวยา ต้านอาการซึมเศร้า ออกฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลาง ใช้นานไปอาจทำให้เกิดประสาทหลอน วิตกกังวล เบื่ออาหาร, ยาคลอเฟนิรามีน ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ มีผลทำให้ง่วงนอน อาจเป็นอันตราย หากทำงานในที่สูงหรือ ขับรถ และยาบิสาโคดิล เป็นยาระบาย ผลข้างเคียง คือทำให้ปวดท้อง ขาดสารอาหาร สมดุลเกลือแร่ผิดปกติ ส่วนอีก ยาอีก 3 ชนิด ทางเภสัชกร ไม่ทราบชื่อ ได้ส่งตัวยาไปทำการตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อีกครั้ง
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังสืบทราบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ยี่ห้อ Miracle Slim Plus นี้ ได้ยังยาแผนปัจจุบัน ทั้ง 6 ชนิด มาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงทางด้านลดความอ้วน ในกรุงเทพมหานคร จากนั้นก็จะนำมาแยกแต่ละชนิดของยา มาใส่บรรจุหีบห่อ หรือ แพ็คเก็ตที่สวยงาม ตั้งราคาไว้จำนวนกล่อง 2,250 บาท ทั้งที่มีต้นทุนแค่เพียงกล่องละไม่เกิน 200 บาทเท่านั้น โดยจำนวนยาที่ตรวจยึดมาครั้งนี้มีมูลค่าขายในตลาดถึง 3.2 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ได้มาประกาศขายในเฟชบุ๊ค มีสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วน ต่างมาหาซื้อไปรับประทานกันจำนวนมาก โดยไม่ทราบว่าตัวยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงแต่อย่างใด
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินแจ้งข้อหา กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 คือ ห้ามมิให้ผู้ผลิต ขาย หรือ นำ หรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยาแผนปัจจุบันเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 15,000 บาท ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชน ที่จำหน่ายยามาให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อนี้ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้แจ้งไปกับทาง อย.เพื่อดำเนินการตรวจสอบโรงพยาบาลดังกล่าว เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีอำนาจ ในจำหน่ายจ่ายยาให้กับผู้อื่นแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมีอำนาจเพียงแค่จ่ายยาให้กับผู้ป่วยเท่านั้น
เภสัชกรอัปสร บุญยัง รองหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวอีกว่า ขอเตือนประชาชนที่ต้องการลดความอ้วน ไม่ควรไปกินยาหรืออาหารเสริมในการลดความอ้วนแต่อย่างใด ซึ่งอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ สิ่งที่ดีที่สุดในการลดความอ้วน คือ การออกกำลังกายเท่านั้น เพราะจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ทนทานต่อโรคต่างๆได้อีกด้วย
///////