เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ค. 57 ที่หน้าศาลากลาง จ.พิษณุโลก นายโม คำคูณ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำชมพู พร้อมกลุ่มชาวบ้าน ม.1 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาขอพบนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีการสังหารนายพิทักษ์ โตนวุธ หรือโจ แกนนำหลักในปี 2544 โดยมีการกล่าวปราศรัยผ่านเครื่องขายเสียง เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่รับผิดชอบออกมาชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดที่ผ่านมา และการติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ ต่อมานายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ได้ลงมาพบกับกลุ่มชาวบ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาชี้แจ้งโดยตรง
ทางกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ทางจังหวัดช่วยตรวจสอบ จำนวน 4 ข้อ คือ 1.ให้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดคดีสังหารนายพิทักษ์ โตนวุธ 2. ให้ตรวจสอบโรงโม่ที่ยังนำเครื่องจักรเข้าไปปรับพื้นที ซึ่งยกเลิกสัมปทานไปแล้ว 3.ให้ยกเลิกการดำเนินการสร้างเขื่อนชมพู และแผนจัดการน้ำ 5.5 แสนล้าน 4.สร้างความเข้าใจและผลักดันพื้นที่คุ้มครองทางสิ่งแวดล้อมตาม พรบ.สิ่งแวดล้อมทั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจ้งกับกลุ่มชาวบ้าน โดยเฉพาะคดีการสังหารนายพิทักษ์ โตนวุธ เกิดขึ้นเมื่อปี 2544 โดยมี พ.ต.อ.นิคม สถาพร รอง ผบก.จว.พิษณุโลกเป็นผู้ชี้แจ้ง ซึ่งก่อนหน้าทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนชีเป้า มีการดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายส่งฟ้องศาล แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องไปแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงมือปืนชื่อนายสุริยะ ขุนอุดร ตามหมายจับศาล จ.พิษณุโลก ที่ จ 64/2545 ทางเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นบัญชีมือปืนรายนี้เอาไว้แล้วตามปฏิทินหมายจับทั่วประเทศ ซึ่งมีค่าหัว 100,000 บาทและยังคงติดตามหาข้อมูล เพื่อทำการจับกุมตลอดเวลา ในส่วนการเรียกร้องที่เหลืออีก 3 ข้อ ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงให้กลุ่มชาวบ้านทราบจนเป็นที่พอใจ ก่อนทางกลุ่มชาวบ้านแยกย้ายกันกลับนอกจากนั้น ทางผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับลูกสาวของนายพิทักษ์ โตนวุธ อายุ 13 ปี ซึ่งกำพร้าพ่อตั้งแต่แรกเกิด ได้เดินทางมาทวงถามคดีของพ่อตนเองที่ถูกสังหารร่วมกับกลุ่มชาวบ้านครั้งนี้ด้วย โดยทางผู้ว่าจะหาหนทางช่วยเหลือในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป