เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 เม.ย. 57 พ.ต.ต.เสน่ห์ พรมรัตน์ สรวัตรเวร สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งจากภรรยานายคำแสน พรมโพด อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226 ม.3 ต.บ้านพร้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ว่าสามีตนเองไปตีผึ้งในป่าบนภูเขาหายตัวไป กระทั่งพบเสียชีวิตอยู่บนต้นไม้ บริเวณกลางป่าเขาตีนด่าน ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 6 -7กิโลเมตร ต้องเดินเท้าเข้าไปใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อม พ.ต.ท.เทพฤทธิ์ สิงห์สถิต สว.สส. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง พร้อมชาวบ้านร่วมกว่า 20 คน รุดไปจุดที่เกิดเหตุจุดเกิดเหตุเป็นป่าลึกทึบอยู่ในบนแนวเขาสูง มีต้นยางขนาดใหญ่ขนาด 4-5 คนโอบ สูงประมาณ 50 เมตร บนต้นไม้มีรังผึ้งขนาดใหญ่ พบมีร่างผู้เสียชีวิตคือนายคำแสน พรมโคตร โดยมีเชือกผูกตัวเอาไว้ห้อยโตงเตงอยู่เกือบถึงยอดยาง ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ชาวบ้านที่มีความชำนาญใช้วิธีตอกลิ่ม หรือตอกทอย เพื่อไต่ขึ้นไปบนต้นยาง ซึ่งชาวบ้านที่ขึ้นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถนำศพผู้ตายลงมาจากต้นยางได้สำเร็จ
นอกจากนั้นในบริเวณใต้ต้นยางยังพบสิ่งของใช้ของผู้ตายที่วางเอาไว้ และรังผึ้งที่ตีมาได้ก่อนหน้าแล้วจำนวนหนึ่ง พร้อมกับโทรศัพท์ในกระเป๋าย่ามสะพาย และยังมีร่องรอยการที่ผู้ตายทำขึ้นไปบนต้นยาง เพื่อตีเอารังผึ้งดังกล่าว
เบื้องต้นจากการสอบสวนภรรยาของผู้ตาย ให้การว่า สามีมีอาชีพหาของป่าและตีผึ้งขาย ก่อนเกิดเหตุวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา สามีได้ออกจากบ้าน เพื่อไปหาของป่าและตีรังผึ้งตามปกติ ปรากฏว่าไม่กลับมาบ้าน จึงได้โทรศัพท์ติดต่อ แต่สามีไม่รับสาย ทางภรรยาเป็นห่วงจึงได้ชวนญาติออกตามหา และไปตามจุดที่สามีเคยไปหาของป่า โดยเฉพาะที่ต้นยางใหญ่ที่สามีไปเห็นรังผึ้งเอาไว้ก่อนหน้า บอกว่าจะมาตีในวันหลังกระทั่งพบสามีเสียชีวิตอยู่บนต้นยางดังกล่าว ก่อนจะพากันกลับลงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ชาวบ้านเข้าไปช่วยเหลือนำศพลงมาจากต้นไม้ในเวลาต่อเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าผู้ตายมีร่องรอยเชือกผูกที่ตัวรัดจนแน่น และรอยตามตัวเหมือนโดนผึ้งต่อย สันนิษฐานว่าขณะที่ผู้ตายขึ้นไปตีรังผึ้ง ได้ใช้เชือกผูกกับตัวเองเอาไว้ เพื่อป้องกันตกจากต้นไม้ ระหว่างนั้นอาจจะโดนผึ้งต่อย จนพลาดตกจากกิ่งไม้ห้อยโตงเตง ทำให้เชือกรัดจนแน่นและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้เสียชีวิตในที่สุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะส่งศพไปชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทยอีกครั้ง