เมื่อวันที่ 22 เม.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.คณิต อุทิตสาร ผอ.ศปป.4กอ.รมน. พร้อมด้วย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ได้ประสานการปฏิบัติหน้าแบบบูรณาโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมปฏิบัติ
งานในครั้งนี้ ประกอบด้วย ชป.ศปป.4กอ.รมน. , กอ.รมน.จังหวัด สระบุรี , สายตรวจกรมป่าไม้, สน.จทป.5 สระบุรี , ตำรวจ สภ.มวกเหล็ก และฝ่ายปกครอง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี สนธิกำลังประมาณ 50 นาย เข้าตรวจสอบ และตรวจยึดไม้พะยูง จำนวนมากที่ขบวนการลักลอบตัดไม้นำมากองเก็บไว้ ในพื้นที่ฟาร์มเลี้ยงวัวร้าง บ้านพัฒนาใหม่ หมู่ที่ 14 ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อรอการปรับแต่ง สภาพก่อนจะลำเลียงขนย้ายส่งออกไปจีนในตอนกลางคืน
สำหรับการขนย้ายไม้พะยูงในครั้งนี้พบว่าใช้วิธีการขนส่งแบบใหม่โดยทำเป็นไม้ล้อมรากตัดกิ่งเล็กๆออกเพื่ออำพรางว่าเป็นไม้บอนไซนำไปปลูกจัดสวน โดยใช้รถเครนยกใส่รถบรรทุกขนาดใหญ่
อีกทั้งใช้สีทองพ่นปลายกิ่งที่ถูกตัด เพื่อไม่ให้เห็นแก่นไม้พะยูงสีน้ำตาลเข้ม ต้องการให้กลมกลืนว่าเป็นไม้อื่น เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไม้พะยูงลำต้นขนาดใหญ่ 1-2 คนโอบอายุประมาณ 50-100 ปี จำนวน 32 ต้น ปริมาตร 32.02 ลบ.ม.และไม้พะยูงตัดเป็นท่อน ขนาดยาว 1-3 เมตร จำนวน 74 ท่อน ปริมาตร 8.19 ลบ.ม.ไม้จำนวนนี้หากส่งออกไปยังประเทศจีนแล้วจะมีมูลค่าสูงมากกว่า 100 ล้านบาท
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันป่าที่ สบ.2 (ลำพญากลาง) ส่วนการเคลื่อนย้ายจากที่เกิดเหตุ จนท.ได้ประสานขอรับการสนับสนุนใช้รถเครนจากร้านขายวัสดุก่อสร้างจำนวน 6 คัน และใช้รถบรรทุก 10 ล้อขนาดใหญ่อีกหลายคัน เพื่อทำการขนย้าย คณะเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกการจับกุม/ตรวจยึด ส่งให้ สภ.มวกเหล็ก ติดตามตัวเจ้าของไม้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดเดิมได้ร่วมกับผู้แทนกรมป่าไม้ ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้าน ผอ.รร.ไทยรัฐวิทยา อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เนื่องจากสืบทราบมาว่าเป็นที่ ซุกซ่อนไม้สักที่ถูกขโมยลักตัด มาจากสวนป่าใน อ.มวกเหล็กและมีการทำไม้ในบริเวณบ้านจากการตรวจสอบพบไม้ซุงขนาดใหญ่หลายต้น วางเรียงรายและถูกนำไปตั้งเป็นเสาบ้านที่กำลังก่อสร้างอยู่ จำนวน 18 ต้น และพบไม้หลายชนิด เช่น ไม้สัก ไม้ประดู่ และไม้แดง
ถูกแปรรูปเก็บไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ภายในบริเวณบ้าน 3 ตู้โดยมีไม้แปรรูปแล้วทำเป็นวงกบประตูหน้าต่างอีกจำนวนหนึ่งคณะเจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้เจ้าของบ้านนำหลักฐานที่มาของไม้มาแสดงให้ดู และแจ้งว่าเนื่องจากไม้มีปริมาณมากจึงจำเป็นต้องขออายัดไม้ทั้งหมดไว้ตรวจสอบก่อนหากมีเอกสารถูกต้องจะคืนไม้ให้ แต่ถ้าไม่มีเอกสารมาแสดงหรือมีแต่ไม่ถูกต้องก็ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป