วันที่10 เม.ย.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดี ด.ช.ศุภชัยธรรมานุพัตน์ อายุ 13 ปี ที่จมน้ำเสียชีวิตบริเวณบ่อดิน หน้าทางเข้าหมู่บ้านบัวสีเงิน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาซึ่งทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต ร้องให้เจ้าหน้าที่ทำคดีใหม่ เนื่องจากเชื่อว่าบุตรชายของตนเองถูกรุมทำร้ายและโยนทิ้งบ่อน้ำใกล้เคียงหมู่บ้านบัวสีเงิน อ.เมืองพิษณุโลก โดยหาก ตร.ยังสรุปคดีไม่ได้จะยังไม่เผาศพลูกชาย
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ทาง พล.ต.ต.ชฏิล พรหมไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ตนเองได้รับรายงานตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ และต่อมาแม่ของเด็ก ก็ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อคดีใหม่ เนื่องจากเชื่อว่าบุตรชายจะถูกทำร้ายร่างกายก่อนจมน้ำเสียชีวิต ซึ่งตนเองก็ได้สั่งการให้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ และรื้อคดีทำคดีใหม่ ให้ระเอียดมากที่สุด เบื้องต้นที่ทำการตรวจสอบ ก็ยังพบว่า เป็นการจมน้ำเสียชีวิต
จากการสอบสวนของพนักงานสอบสวนให
ด้านนางกัญฐญาณ์ภู่สวาสดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก ได้นำเงินไปช่วยเหลือ นายบุญศักดิ์ ธรรมานุพัฒน์ อายุ 38 ปี และนางกัลยาเกตุนาวา อายุ 32 ปี บิดาและมารดาของ ด.ช.ศุภชัยธรรมานุพัตน์ ที่จมน้ำเสียชีวิตบริเวณบ่อดิน หน้าทางเข้าหมู่บ้านบัวสีเงิน ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา กระทั่งถึงเช้าวันที่ 7 เมษายน ที่จะทำการฌาปนกิจศพตามประเพณี เพื่อนลูกชายยอมเปิดปากว่าลูกถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายก่อนโยนลงไปในน้ำจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต จึงเข้าพบตำรวจเพื่อให้รื้อฟื้นคดี แต่เพื่อนลูกที่เป็นพยานปากเอกกลับสับสนเพราะถูกกดดันหลายด้านให้การกลับไปกลับมา ทำให้ตำรวจวุ่นกันทั้งโรงพักจนต้องมีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ เพื่อให้นางกัลยาและครอบครัวมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมโดย
นางกัญฐญาณ์ กล่าวว่า ตนจะเข้ามาดูแลครอบครัวของนางกัลยารวมทั้งครอบครัวเด็กที่เป็นพยาน เพราะทราบว่ามีความหวาดระแวง หวั่นจะเกิดเหตุร้าย อีกทั้งกรณีนี้ การสอบสวนของตำรวจก็มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำของพยาน รวมทั้งผู้ถูกกล่าวหาด้วยทุกครั้ง เมื่อพ่อแม่เด็กที่เสียชีวิตไม่สบายใจ ทาง พ.ต.อ.บุญญฤทธิ์โล่ห์สุวรรณ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ก็เปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้ จากเดิมที่รับแจ้งตอนเกิดเหตุคือ ร.ต.ท.ประทิน ไชยยงศ์ ก็เปลี่ยนเป็น พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ปันกาวี แล้ว ส่วนกรณีที่บอกว่ามีคนไปติดตามเฝ้าดูทำให้เกิดความหวาดกลัวนั้น ก็จะได้ประสานกับทางตำรวจให้จัดกำลังเข้าไปดูแลคุ้มครองในส่วนนี้ต่อไป
ด้านนางกัลยา กล่าวว่า แม้ตำรวจจะมีพยานหลักฐานเกี่ยวกับที่อยู่ของตัวผู้ถูกกล่าวหา และยืนยันตามผลการชันสูตรของแพทย์ในวันเกิดเหตุว่าลูกตนจมน้ำตายก็ตาม ตนก็ยังปักใจเชื่อว่าลูกถูกพี่ชายของแฟนสาวที่บอกเลิกรากันกับเพื่อน รุมทำร้ายร่างกายก่อนโยนลงไปในน้ำทำให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน เพราะพยานก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดให้พ่อกับแม่ฟัง ทางพ่อแม่ของพยานก็ยังเล่าเรื่องนี้ให้ตนกับสามีฟังอีกด้วย ดังนั้นตนจะยังไม่เผาศพลูกจนกว่าคดีนี้จะจบ และคนร้ายถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ตอนนี้ตนกับสามีรวมทั้งเพื่อนของลูกที่เป็นพยานก็อยู่กันไม่เป็นสุข เพราะมีคนแปลกหน้าคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงอยากให้ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุ้มครอง เฉพาะอย่างยิ่งพยานที่กำลังอยู่อย่างหวาดระแวง