วันที่ 20 มีนาคม 2557 นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 สั่งการให้นายไพรัช มณีงาม ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สบอ.11ลงพื้นที่ตรวจยึดผืนป่าคืนให้แผ่นดิน เนื่องจากมีชาวบ้านแผ้วถางเตรียมแบ่งล๊อก ปรากฎหลักโฉนดบนพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนที่สวนรุกขชาติ น้ำตกสกุโณทยาน ตั้งแต่ริมถนนสายพิษณุโลก หล่มสัก หมู่ที่ 2 ตำบลวังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมประสานนายสำรวย ชมบุญหัวหน้าสายปราบปรามประจำสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สายที่ 1 และนายวิขันธ์ แก้วชาญหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล 8 (น้ำยาง)ประสานผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านวังนกแอ่นนำชี้และร่วมตรวจยึด
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบหลักเขตที่ดิน ปักอยู่ในเขตสวนรุกขชาติ บริเวณพื้นที่ป่าหลังหมู่บ้าน
มีการจับจองเพื่อรอการรังวัดตรวจสอบเตรียมการออกเอกสารสิทธิครอบครองหรือยึดถือครอบครอง
ทั้งๆที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิทำกินได้ ทั้ง นส 3 หรือโฉนด ท่ามกลางต้นไม้ถูกกานต้น และเผาป่า
ต่อมากำลังจนท. จับพิกัดว่า อยู่ในเขตสวนรุกขชาติขอใช้ประโยชน์จากกรมธนารักษ์ (ราชพัสดุ)หรือไม่
โดยเดินสำรวจตรวจสอบสภาพป่าพบว่า แปลงที่ 1หลักเขตหมุดที่ดินฝังอยู่ในป่าจำนวน 21 หลักฝังอยู่บริเวณชายป่าเพื่อยึดถือครอบครอง โดยล้มไม้ขนาดเล็กถูกตัดฟันด้วยของมีคมโค่นล้มกระจัดกระจายทั่ว บางส่วนเก็บริบสุ่มเผาและต้นไม้ถูกใช้มีดถากบริเวณโคนต้น (กราน) เพื่อยืนต้นตายทั้งไม้ประดู่,แดง,เต็ง,รัง,จากแปรสภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรังชนิดป่าดิบแล้งเป็นพื้นที่ทำกินทั้งๆไม่พบร่องรอยผ่านการใช้ประโยชน์พื้นที่มาก่อนไม่เหมาะแก่การทำการเกษตร มีก้อนหินขนาดเล็กกระจัดกระจายทั่ว
ทางด้านทิศเหนือ ติดทางหลวงแผ่นดินเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสักทิศตะวันตก ทิศใต้ติดที่ทำการเกษตรกรรมของราษฏร ส่วนทิศตะวันออกมีสภาพเป็นป่าเบญจพรรณ เนื้อที่บุกรุกจำนวน 57 ไร่ รุกเข้าสวนรุกขชาติสกุโณทยา เนื้อที่ 25 ไร่ นอกเขตสวนรุกฯ แต่อยู่ในเขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เนื้อที่ 32 ไร่
แปลงที่ 2 นับได้จำนวน 16 หลักหมุด พบตัวเลข สัญญาลักษณ์กรมที่ดินชัดเจนเนื้อที่ 5 – 3- 14 ไร่ มีราษฏรเข้ามาปลูกกล้วย มะม่วง ไม่นานนักเพื่อปิดบัง ตบตา อำพราง เพื่ออ้างว่าเคยทำกินมาก่อน อยู่ในนอกสวนรุกขชาติ น้ำตกสกุโณทยานแต่อยู่ในเขตป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 แต่ไม่มีบุคคลแสดงตนเป็นเจ้าของ
นายกมลไชย คชชา ผอ.อนุรักษ์ 11 เปิดเผยว่า ผมได้สั่งยึดพื้นที่บุกรุกเนื่องจากโค่นไม้ประดู่,แดง,เต็ง,รังเป็นไม้หวงห้ามพื้นที่ที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตที่ดินราชพัสดุขอใช้ประโยชน์ จำเป็นต้องยึดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง และพร้อมจะดำเนินขอผืนที่บุกรุกที่หลวงต่อไปยืนยันว่า ชาวบ้านรุกที่อนุรักษ์และที่ป่าสงวน บริเวณริมถนนใหญ่หน้าสวนรุกฯ ทั้งๆที่ ไม่สามารถออกโฉนดได้ทั้งนี้ หลักเขตที่ดินที่ฝังอยู่ในพื้นที่น่าจะเป็นการรังวัดหมายแนวเขตการสำรวจยึดถือครอบครองของสำนักงานที่ดินและหลักฐานหลักเขตที่ดินเป็นพัสดุของกรมที่ดินน่าจะมีผู้เบิกมาดำเนินการจะต้องมีผู้รับผิดชอบทางกฎหมายหรือได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ส่อเจตนาในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบด้วยกฏหมาย
สอบถามข้อมูลจากนายสุวรรณ ม่วงศรี ผู้ใหญ่บ้าน นายประจง เนาวโชติ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านวังนกแอ่น ทราบว่า ผู้บุกรุกแผ้วถางยึดถือครอบครองจำนวน 4 ราย คือ ๑. นายบุญช่วย จันทร์น้ำคบ บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 2 ตำบลวังนกแอ่นอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก๒. นายสุรัตน์ ธัญอุดม บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 2 ตำบลวังนกแอ่นอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก๓. นายส้มโอ ฉิมสา บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 2 ตำบลวังนกแอ่นอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก๔. นายสิน จันแสน บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 2 ตำบลวังนกแอ่นอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลกและที่สำคัญมีกลุ่มบุคคลนอกพื้นที่หรือนายทุนได้เข้ามาติดต่อขอซื้อที่ดินกับชาวบ้านเพียงแต่ใช้ชื่อคนในพื้นที่ถือครอง
คณะเจ้าหน้าที่จึงทำบันทึก ร่วมกันกล่าวโทษ มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา หรือทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 และมาตรา 54
ประกอบมาตรา 55 ครอบครองป่าที่ถูกแผ้วถาง
แสดงความคิดเห็น