นายวิโรจน์ จิรัฐติกาลโชติ กรรมการรองเลขาธิการ และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีเงิน 2 ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้โครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเฟสแรก กรุงเทพ-พิษณุโลก ต้องถูกยกเลิกหรือโครงการอาจล่าช้ากว่ากำหนดมาก ในเรื่องนี้มองว่า เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองต้องดำเนินการ แต่ในส่วนของภาคธุรกิจเราก็มองว่าเป็นโอกาส ให้เราทบทวนการกู้เงินก้อนใหญ่อีกครั้งเกิดความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งการที่กู้เงิน 2 ล้านล้านไม่ได้ จ.พิษณุโลก อาจกระทบที่รถไฟความเร็วสูงมาช้า แต่สภาพเศรษฐกิจ การเจริญเติบโตไม่ได้กระทบ เพราะ จ.พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่างและภูมิภาคนี้ ความเป็นเมืองจุดศูนย์กลางเส้นทางผ่าน “อีสต์ เวสต์ อีโคโนมิค คอริดอร์” ยังอยู่ที่พิษณุโลก ดังนั้น จ.พิษณุโลกยัง มีศักยภาพในตัวเอง มองว่าจังหวัดไม่น่ากระทบอะไร อาจมีผลกระทบเฉพาะผู้เก็งกำไรที่ดิน อาจอกหัก แต่หากไม่มีกระแสข่าวรถไฟความเร็วสูงมา จ.พิษณุโลก ก็โตตามธรรมชาติอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ช่วงที่มีห้างเซ็นทรัล โลตัสเอ็กซ์ตร้า เป็นการมาลงทุนของห้างสรรพสินค้าส่วนกลาง ที่มองเห็นศักยภาพเมือง ซึ่งช่วงนั้นก็ยังไม่มีกระแสรถไฟความเร็วสูงแต่อย่างใด
นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า เงินโครงการ 2 ล้านล้านเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองต้องคิดแก้ไขปัญหา ส่วน จ.พิษณุโลกมีเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่คนมาแวะท่องเที่ยว แวะมากราบไหว้พระพุทธชินราช ประกอบกับความสมานสามัคคี คนในพื้นที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางด้านภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บ้านจัดสรรก็ยังขายได้ดี มองว่ายังไม่เกิดปัญหาจากผลกระทบจากรถไฟความเร็วสูง ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเงิน 2 ล้านล้าน มองว่า จ.พิษณุโลก จะยังคงมีเศรษฐกิจที่ดีเมืองเติบโตไปตามศักยภาพอยู่แล้ว
แสดงความคิดเห็น