เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 57 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก มีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 100 คน จากบ้านเนินกลาง หมู่ 20 ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้ถือป้ายข้อความขับไล่นายถาวร วงษ์สุธรรม ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวหาว่ามีการทุจริตเงินโครงการ เอส เอ็ม แอล (SML) ปี 2555 ได้ทุจริตเอาเงินจำนวน 500,000 บาทไปใช้ โดยไม่ผ่านการทำประชาคมหมู่บ้าน และยังอ้างเอาเงินไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว กข6 และเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด 801 เพื่อนำไปแจกให้กับชาวบ้าน แต่ปรากฏว่าไม่มีชาวบ้านได้รับเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวนางเรณู คำเมือง กรรมการโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านเนินกลาง (SML) กล่าวว่า ที่เดินทางมาศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อต้องการการขับไล่นายถาวร วงษ์สุธรรณ ผู้ใหญ่บ้านออกจากตำแหน่ง หลังมีพฤติกรรมทุจริตเงินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านเนินกลาง เอส เอ็ม แอล (SML) จำนวน 500,000 บาท โดยอ้างว่า นำไปใช้ส่งเสริมปรับปรุงเมล็ดพันธ์ข้าว สาธิตปุ๋ยชีวภาพอัดเมล็ด และดำเนินการด้านประปาหมู่บ้าน และสร้างวัดมิ่งฟ้า หลังตรวจสอบไม่มีหลักฐานการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้แต่อย่างใด
นางเรณู คำเมือง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ชาวบ้านและกรรมการไม่มีผู้ใดทราบเรื่อง และยังใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ในการรับรองเอกสารด้านที่ดินทำกินกับนายทุนสวนยางพาราจากภาคใต้ จนชาวบ้านทนพฤติกรรมไม่ไหว จึงได้ร้องเรียนขอให้ทางอำเภอนครไทยดำเนินการขับไล่ออกจากตำแหน่ง แต่เรื่องเงียบหายไป จึงเดินทางมาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในวันนี้ เพื่อให้ผู้ว่าฯดำเนินการโดยเร่งด่วนต่อมานายประทีป ศิลปเทศ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ได้เรียกตัวแทนชาวบ้าน 5 คนไปเจรจาที่ห้องทำงาน โดยขอเวลาชาวบ้านตรวจสอบเรื่องวินัยและข้อเท็จจริงการทุจริต ของผู้ใหญ่บ้าน เป็นเวลา 30 วัน หากพบความผิดจะลงโทษทางวินัยตามระเบียบทางราชการทัน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่พอใจขึ้นไปห้องทำงานปลัดจังหวัดตะโกนขับไล่ผู้ใหญ่บ้านออกไปดังลั่นศาลากลางจังหวัด ก่อนจะพากันลงมาศาลากลางจังหวัดเพื่อหารือกัน นายส้มซ่า ทิพโสด อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.20 บ้านเนินกลาง ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ทางชาวบ้านทนพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านรายนี้ไม่ไหว เนื่องจากไม่ดูแลความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาของชาวบ้าน ตลอดทั้งยังนำเงินโครงการ SML จำนวน 500,000 บาท ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยไม่ได้มีการทำประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งทางชาวบ้านส่วนมากไม่มีใครทราบมาก่อน เคยพาชาวบ้านหลายร้อยคนไปร้องเรียนนายอำเภอนครไทย แต่ปรากฏว่ายังไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชกการจังหวัด เนื่องจากเกรงว่าเรื่องจะเงียบไป นอกจากนั้นจะเดินทางไปร้องต่อ ปปช. และจะกลับไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.นครไทย เพื่อดำเนินการทางคดีอาญา ฐานทุจริต อีกทางหนึ่งด้วย