ชาวนาที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก หลังจากเกี่ยวข้าวนาปีเสร็จแล้ว ก็ได้ลงมือ ทำนาปรังรอบใหม่ทันที เนื่องจากหากรอช้าไปกว่านี้ จะประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดน้ำทำนา แม้ว่าเงินลงทุนจะต้องกู้นอกระบบมาใช้ก่อน เพราะยังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
นางเกศรา แดงดี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179/2 หมู่ 5 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเองทำนากว่า40 ไร่ และได้ใบประทวน มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา รวมเงินที่จะต้องได้รับจากโครงการรับจำนำข้าว ทั้งสิ้น 350,000บาท แต่จนถึงขณะนี้ เข้าเดือนที่ 4 ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะได้รับเงินจำนวนนี้แต่อย่างใด แต่ชาวนาก็ไม่สามารถที่จะรอเวลาได้ ถึงแม้จะไม่มีเงินที่จะลงทุนทำนารอบใหม่ ก็ต้องไปหากู้ยืม ยอมเสียดอกเบี้ยให้กับนายทุน ร้อยละ 3 บาท ต่อเดือน เพราะหากรอเงินจากรัฐบาลก็อาจจะช้าเกินไป น้ำที่โครงการชลประทานปล่อยมาให้ทำนาก็จะหมดก่อน
แต่ทั้งนี้ นางเกศรา ก็ยังยืนยันว่า ข้าวนาปรังที่เริ่มลงมือทำในครั้งนี้ ก็จะยังนำเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เพราะมั่นใจว่า ถึงแม้การจ่ายเงินจะล่าช้า แต่ก็ได้เงินแน่นอน และได้ราคาดีกว่านำข้าวไปขายสดให้กับโรงสี หรือพ่อค้าคนกลาง เพราะขณะนี้ราคาขายสด ถูกกดราคาต่ำมาก เหลือเพียงตันละ 5-6 พันบาทเท่านั้น ซึ่งหากขายราคานี้ ชาวนาก็จะขาดทุน ส่วนที่ว่า หากมีการยกเลิกโครงการรับจำนำ ก็ยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะมีโครงการอื่น ๆ มาช่วยเหลือชาวนาอย่างแน่นอน