เช้าวันที่ 2 ธันวาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเวทีปราศรัยค่ำคืนที่ผ่านมา (1ธค56) นพ.วรงค์
เดชกิจกรมสส.พิษณุโลกขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาลพร้อมประกาศให้มวลชนมาปิดประตูศาลากลางเวลา 7.30 น.ไม่ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ปรากฏว่ามวลชนจากหลายฝ่ายรวมตัวกันอยู่ด้านหน้าศาลากลาง เป่านกหวีดใส่ข้าราชการ พนักงานที่เดินทางเข้ามาภายในศาลากลาง ที่ทะยอยเข้ามาตามปกติ พร้อมปราศรัยสาปแช่งไม่ให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยรวมตัวกันบริเวณประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก กระทั่งเวลาประมาณ 08.40 น.มีมวลชนประมาณ 200 คนเดินเ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลคลื่อนไหวผ่านหน้าจวนผู้ว่าฯ และปิดประตูด้านข้างศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกและอ้อมไปด้านหลังศาลากลางเพื่อปิดประตูและมอบดอกกุหลาบแก่ข้าราชการต่อมาเดินอ้อมไปด้านข้างอีกแห่งหนึ่งปิดประตูไม่ให้รถเข้าออกต่อมากลุ่มมวลชนต่อต้านรัฐบาลยังเคลื่อนไหวกดดันให้ข้าราชการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไปปิดประตูเข้าออก ศาลากลางจำนวน 4 ประตู ใช้ผ้าแพร ลวด มัดประตูแล้วให้อาสาสมัครเฝ้าไว้ประตูละ 10-20 คน เพลือเพียงประตูใหญ่ทางเข้าแห่งเดียวที่ยังเปิดอยู่
จากนั้นตั้งขบวนเดินได้เดินเข้ามาในศาลากลาง เป่านกหวีด กดดันให้ข้าราชการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งภายในศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกมีข้าราชการปฏิบัติหน้าที่อยู่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น บางจุดก็มีข้าราชการถือดอกไม้ เป่านกหวีดให้การต้อนรับมวลชน กลุ่มมวลชนได้เดินไปยังห้องทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกศาลากลางขั้น 2 ปรากฏว่า ถูกปิดล็อคกุญแจไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติแต่อย่างใด พร้อมกับห้องรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกทั้ง 3 ห้องเช่นเดียวกับห้องสำนักงานจังหวัด ก็ปิดประตูไม่มีผู้มาปฏิบัติงานเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ข้าราชการที่มาทำงาน เริ่มที่จะเดินทางออกจากศาลากลางพิษณุโลกตามคำเรียกร้องของมวลชนที่มาชุมนุมในครั้งนี้แล้ว
ต่อมา นายธีรพงษ์ เจริญยิ่ง ตัวแทนชมรมสหภาพรัฐวิสาหกิจจ.พิษณุโลก พร้อมมวลชนได้มอบดอกไม้ให้กับนายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ปภ.พิษณุโลก กล่าวว่าผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกไม่ได้ปฎิบัติหน้าที่ในวันนี้
แต่ผมมาทำงานที่ติดค้างอยู่ในงานช่วยเหลือผู้ประสพภัยอ.บางกระทุ่มก็ขอให้ทุกท่าน พอใจ เพราะข้าราชการได้ทำตามที่ประชาชนร้องขอ คือหยุดการปฎิบัติงาน เมื่อประชาชนร้องขอ ก็ยินดีปฎิบัติตาม
ขณะที่ข้าราชการหลายคนก็เริ่มทยอยออกจากศาลากลาง โดยกลุ่มมวลชนกระจายกำลังเฝ้าบริเวณทางขึ้นและประตูเข้าออก กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 ก็แทบไม่มีข้าราชการทำงานบนศาลากลาง