ระดมกำลังตรวจสอบนายทุนรุกอช.เขาค้อ

jjวันที่ 25ตุลาคม 2556  นายกมลไชย คชชาผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 (พิษณุโลก)
สั่งระดมพลเจ้าหน้าอนุรักษ์จำนวน260คนที่ศูนย์ปฎิบัติการโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ
น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมสนธิกำลังทหาร กองอำนวยการปลูกป่ากองทัพภาคที่ 3 ปฎิบัติการกว้างล้างหรือเอ็กเรย์ในพื้นที่ 13,000 ไร่เพื่อพิสูจน์ทราบปัญหาการบุกรุกที่ดินของนายทุนบุกรุกพยามออกโฉนด 2,133ไร่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ

b

โดยแบ่งกำลังเป็นชุดปฎิบัติการที่ 1เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติพร้อมส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์จำนวน103 นาย ตรวจสอบพื้นที่บริเวณสองข้างทางสาย 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) บริเวณผาซ่อนแก้ว เนื้อที่ประมาณ 4,000 ไร่
ชุดปฎิบัติการที่ 2 เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าพร้อมส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 104 นาย
ตรวจสอบพื้นที่ภูตะแคง(ที่เคยมีปํญหาเตรียมการออกโฉนดและพื้นที่ใกล้เคียง)เนื้อที่ประมาณ 6,000
ไร่

ชุดปฎิบัติการที่ 3 เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากรพร้อมส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 52 นายตรวจสอบพื้นที่ด้านทิศเหนือถนนทางขึ้นภูทับเบิก เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่
พร้อมกับแจกแบบสำรวจให้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้จำนวน 2 แผนเพื่อตรวจสอบที่ดินทำกินชาวบ้าน พร้อมอ้างถึงแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศปี 45 เพื่อเปรียบเทียบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ก่อนหรือหลังเก็บข้อมูลรายละเอียดถึงพื้นที่ทำกินจำนวนกี่ไร่ มีสภาพเป็นอย่างไร่พร้อมกับถ่ายรูปเพื่อเป็นการยืนยันd

หากพบตัวหรือตรวจร่องรอยเข้าทำประโยชน์ของชาวบ้านจะเข้าสู่การพิสูจน์สิทธิ์ทันทีโดยมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านพื้นที่ข้างเคียงยืนยันใน 7 หมู่บ้านเป้าหมายหากไม่พบร่องร่อยการทำประโยชน์หรือบุกรุกใหม่ก่อนปี 45จะดำเนินการตรวจยึดต่อไปดำเนินคดีตามกฎหมาย พร.บ.ป่าไม้ 2484 ทั้งนี้พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำก้อ น้ำชุน เป็นพื้นที่ตามมติ ครม.14 ตุลาคม2546 ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชดำเนินการปรับปรุงฟื้นฟูที่นิคมสงเคราะห์ชาวเขา ส่งคืนให้กรมป่าไม้ จำนวน132,626 ไร่ ซึ่งต่อมาพื้นที่ดังกล่าวประกาศเป็น อุทยานแห่งชาติเขาค้อจำนวน 60,000 ไร่ และกรมอุทยานฯ จัดงบประมาณปลูกป่าแล้ว 39,243 ไร่
ที่เหลือเป็นพื้นที่ตาม พรบ.ป่าไม้ 2484 เนื้อที่ประมาณ 70.000 ไร่e

นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 11 (พิษณุโลก)กล่าวว่า ประชากรที่เพิ่มขึ้นและย้ายถิ่นฐานจากภาคใต้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ แต่กลับบุกรุกหลวง ทำให้เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ต้องจัดกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำก้อน้ำชุน จึงได้ปล่อยแถว จนท.อุทยานฯทั้งหมด เอ็กเรย์ในพื้นที่จำนวน 13,000ไร่ หากมีการกระทำผิด ไม่ว่าแผ้วถางป่าหรือใช้เครื่องจักรบุกรุกในพื้นที่ก็สั่งการให้จนท.ดำเนินการจับกุมทันทีภายใน 7 วันนี้จะพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของปัญหาของการบุกรุกนายทุนและชาวบ้านที่บุกรุกทำกินในพื้นที่เพื่อนำเสนอแผน ให้มีทางออกเพื่อแก้ปัญหาในเชิงนโยบายต่อไปและทราบว่าท่านรองอธิบดีกรมอุทยานฯจะลงพื้นที่ในสัปดาห์หน้า

แสดงความคิดเห็น