เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 24 ต.ค.56 พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ โล่สุวรรณ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำตัว นายกฤษฎา หรือโบ้ พงษ์พานิช อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 5 ต.พันชารี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และ นายสาธิต หรือ อั้ม กุตอินทร์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 หมู่ที่ 5 ต.ไผ่ล้อม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหามาแถลงข่าวในข้อหาร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์
สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้เวลา 17.00 น.(23ต.ค.56) นายโบ้ และนายอั้ม ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวฟ รุ่น 110 สีแดงเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตระเวนหาเหยื่อหญิงสาวที่วางกระเป๋าสะพายไว้ที่ตะกร้าหน้าของตัวรถ กระทั่งทั้งสองคนขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงบริเวณถนนอู่ทอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก มาพบผู้เสียหายคือ น.ส.มณทกาญจน์ เนืองศิลป์ อายุ 22 ปี พนักงานโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปทำงาน ซึ่งมีนายโบ้ และนายอั้ม ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมาประกบก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงสีน้ำตาลไป ก่อนขับขี่หลบหนีไปด้วยความเร็ว ตามถนนสิงห์วัฒน์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สกัดจับพยายามเรียกเพื่อตรวจแต่นายโบ้และนายอั้ม กลับขับขี่หลบหนีไปเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งติดตามไปกระทั่งมาถึงซอยตันทางเข้าหอแห่งหนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะทิ้งรถและวิ่งหลบหนีไปในป่าโพงสูง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับกุมตัวได้ทั้งพร้อมของกลาง เงินสด 1,140 บาท ,โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ,เอกสารต่างๆ ,กระเป๋าสะพาย 1 ใบ และรถจักรยายนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนขยายผลการจับกุม ทราบว่า นายกฤษฏา หรือโบ้ ฯ และนายสาธิต หรืออั้ม ฯ ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก มาแล้ว 3 ครั้ง ใช้ระยะเวลาเพียง 8 วัน (15ต.ค.-22ต.ค.) ก่อเหตุชิงทรัพย์บริเวณห้าแยกโคกมะตูม ,บริเวณแยกมาลาเบี่ยง ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก และลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ บริเวณถนนพุทธบูชา รวมทั้งยังร่วมก่อเหตุ ชิงทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์ที่จังหวัดพิจิตร อีก 4 ครั้ง
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ให้ผู้เสียหายที่เคยถูกคนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกันทั้งที่มาแจ้งความและไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ ให้มาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อจะได้เพิ่มโทษผู้ต้องหาให้หนักขึ้นจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างกับเยาวชน หรือผู้คิดจะทำผิด ทั้งฝากเตือนประชาชนต้องระวังตัวเองมากขึ้นโดยเฉพาะสุภาพสตรี ไม่ให้วางกระเป๋าไว้ที่หน้าตะกร้า เพราะจะเป็นเป้าหมายหลักของพวกมิจฉาชีพที่จ้องจะลงมือก่อเหตุได้ตลอดเวลาหากพบเจอ เช่นกันกับครั้งนี้ที่ก่อเหตุช่วงเย็นทั้งที่ยังไม่มืดด้วยซ้ำไป
————————————————————————————————————–