เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ 14 ก.ย.2556 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านในอำเภอวัดโบสถ์ จ.พิษณุโลกว่า พบกองข้าวสารบรรจุกระสอบถูกเผาทิ้งทำลายอยู่บริเวณริมถนนเลียบคลองชลประทาน หมู่ที่ 7 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ ห่างจากริมถนนสายเอเชียหมายเลข 11 ประมาณ 2 กิโลเมตร ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปทำการตรวจสอบ บริเวณดังกล่าวก็พบว่ามีกระสอบข้าวจำนวนมากโดยเป็นกระสอบป่าน และถุงปุ๋ยสีน้ำเงิน จำนวนมากถูกเผาทำลายทิ้ง ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่วบริเวณ และพบข้าวสารที่ถูกน้ำเน่าเสียเกลื้อนกราดพื้น จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ที่กระสอบข้าว ที่ไม่ได้ถูกไฟเผาไหม้ มีข้อความว่าป้ายผ้าพิมพ์ตัวอักษรสีเขียวมีข้อความว่า อ.ต.ก. ปรัง นอกจากนี้ยังพบกระดาษ ที่พิมพ์ข้อความว่า กองที่ 5 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ข้าวข้าว 5 % วันที่รับมอบ 14 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 16 ตุลาคม 2551 จำนวน 19,950 กระสอบ โดยชาวบ้านต้องการให้มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากคาดว่า ซากกระสอบ และข้าวสารที่ถูกนำมาเผาในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว หรือไม่ และปริมาณข้าวสารจำนวนมากที่ถูกกองทับถมไว้กำลังสร้างมลพิษให้กับชาวบ้านใน พื้นที่เป็นอย่างมาก
ขณะที่ชาวบ้าน คือนายมี แตงน้อย อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 240 ม.8 ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ชาวบ้านเจ้าของที่นา จำนวน 6 ไร่ ที่ติดกับกองข้าว ดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ตนเองเห็นคนงาน ของบริษัทเกษตรไฟศาลบุญกิจ ที่เป็นโกดังเก็บข้าวสารตั้งอยู่ติดริมถนนสายพิษณุโลก-เด่นชัย ห่างจุดที่พบกองข้าวสารที่ถูกเผาทิ้งทำลายเพียง 500 เมตร เป็นผู้นำกระสอบข้าวดังกล่าวมาทิ้งไว้บริเวณริมโกดังเก็บข้าวตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา โดยใช้รถแท็คเตอร์มาไถทับไว้ และมีการเผาทำลายถุงกระสอบข้าวด้วย แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ของบริษัทดังกล่าวที่ซื้อไว้ติดกับที่นาของตน แต่หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำเสียจากกองข้าวที่เน่าเสียได้ไหลลงมาที่นาของตน และเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง จึงอยากให้หน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หลังทราบเรื่องได้สั่งท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ อ.ต.ก. และพาณิชย์จังหวัด นายอำเภอวัดโบสถ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบกองข้าวเน่าที่ถูกนำมาเผาทำลายทิ้ง ว่าเป็นข้าวมาจากที่ใด โดยเฉพาะให้เจ้าหน้าที่ ทำการประสานกับทางบริษัทเกษตรไฟศาลบุญกิจ จำกัด เพื่อทำการตรวจสอบที่มาของข้าวสารจำนวนมากที่นำมาเผาทำลายทิ้ง และให้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่อย่างไร
แหล่งข่าวระบุว่า ข้าวดังกล่าว เป็นข้าว ได้มีการซื้อขายไปตามระเบียบของรัฐบาลในยุคนั้นแล้ว แต่ผู้รับเหมา ไม่สามารถขนไปหมดได้ เนื่องจากข้าวที่เหลือถูกน้ำท่วม ทำให้ต้องทิ้งไว้ที่โกดังดังกล่าว ต่อมาเจ้าของโกดัง ต้องนำออกมาทำลาย เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความร้อนระอุ จนเกิดไฟไหม้โรงสีได้ จึงต้องข้าวมาทิ้งและเผาที่บริเวณดังกล่าว