ยึดสวนยางพารานายทุนรุกป่าสงวนฯ1,200 ไร่

2วันที่ 11 กันยายน 2556  นายธนัช เนมีย์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 (ศปป.4) กอ.รมน.  พ.ต.ท.ปรีชา กิ่มเกลี้ยงผบ.ร้อย ตชด.313 ค่ายพระยาจักรี พ.ต.ท.ชาญชัย หาแก้ว รองผู้กำกับสืบสวนสภ.วังทองสนธิกำลังพร้อมปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจยึดนายทุนรายใหญ่ธุรกิจขนส่งชื่อดังภาคกลาง ปลูกยางพาราจำนวน 2000 ไร่ หลังจากได้รับข้อร้องเรียน กระทั่ง เดินทางไปบ้านตอเรือ หมู่13 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจยึด
เนื่องจากพื้นที่ปลูกยางพาราอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย3
5

พ.ต.ท.ชาญชัย หาแก้ว รองผู้กำกับสืบสวน สภ.วังทองพร้อมจนท.ป่าไม้และกอ.รมน.จึงรุดไปที่แคมป์คนงานที่เขียนป้ายระบุ วีรนันท์ พบนายปรีชา จันทร์ครุฑ ซึ่งรับเป็นญาติของหจก.ขนส่งชื่อดังภาคกลาง
จากนั้นได้ติดต่อโทรศัพท์พร้อมกับเชิญตัวเจ้าของตัวจริงมาพบ แต่หจก.ดังกล่าวได้ส่ง ตัวแทนจากจังหวัดชัยนาทมาแทน เพื่อมาพบพนักงานสอบสวนพร้อมยื่นหลักฐานให้ ใบ ภ.บ.ท.5 ต่อเจ้าพนักงาน74

จากนั้นจนท.ป่าไม้ได้พานายปรีชา จันทร์ครุฑ และนายทวี สุกใสอดีตรองนายกอบต.วังนกแอ่น นำชี้จุดพื้นที่แปลงปลูกยาง พร้อมกำหนดพิกัดค่าจีพีเอส พบว่า พื้นที่ปลูกยางกว่า 705 ไร่และบางแปลงเคยถูกป่าไม้ตรวจยึดแล้วจำนวน 200 ไร่เศษอย่างไรก็ตามนายปรีชา จันทร์ครุฑ ได้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ซื้อที่ดินจากชาวบ้านราคาไร่ละ 4 พันกว่าบาท ตั้งแต่ปี 45โดยไม่ได้บุกรุกป่า ครองครองที่ดินเพื่อทำธุรกิจยางพาราจำนวน 2,000 ไร่ส่วนราคาที่ดินที่ปลูกยาพาราแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าไร่ละ 50,000บาทขึ้นไป แล้วต่อจำนวนอายุของต้นยางพารา
ผู้สื่อรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้ ถือว่า เรื่องใหญ่เนื่องจากไม่ใช่เป็นบุคคล แต่เป็นนิติบุคคล หรือ
หจก.ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจวังทอง กำลังแจ้งข้อหาและกล่าวโทษพร้อมหาตัวผู้กระทำความผิด จึงมีการเชิญตัวแทน หจก.ชื่อดังมาให้ปากคำและสอบสวน ซึ่งป่าไม้ยืนยันว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย ยืนยันจะต้องยึดผืนป่าเนื่องจากมีแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ มีพื้นที่บุกรุกจำนวน 1,265 ไร่
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตัดโค่นสวนยาพาราทิ้งเนื่องจากรอผ่านกระบวนการกฎหมายต่อไป

แสดงความคิดเห็น