เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 5 ก.ย. 2556 ร.ต.ท.สุขเสริม พันธ์เขียว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีคนร้ายก่อเหตุชิงทองห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าในอ.เมืองพิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับพร้อมรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ รองผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ โลห์สุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ที่เกิดเหตุเป็นร้านชื่อร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ตรวจที่เกิดเหตุทองในตู้ถูกคนร้ายฉกทองไปจำนวนหนึ่ง มีพนักงานร้านเป็นหญิงสาวจำนวน 4 คนและช่างทองประจำร้านอีกคน ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สอบสวนนายประจิต ประพันธมิตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189 หมู่ 10 ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ช่างทองร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ยืนอยู่ที่เค้าเตอร์ภายในร้านทองจากนั้นได้มีคนร้าย เป็นชายวัยรุ่น รูปร่างสันทัด อายุประมาณ 25 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ได้กระโดดเข้ามาในโดยเคาท์เตอร์และเปิดกระจกตู้โชว์ก่อนจะคว้าสร้อยคอทองคำจำนวน 5 เส้น น้ำหนักรวม 10 บาท ตนเองได้พยายามจะยื้อแย่งทองจากคนร้ายแต่คนร้ายได้พยายามชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ ก่อนคนร้ายจะสะบัดหลุดและ วิ่งหลบหนี้ไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าห้างและหลบหนีไปทางห้าแยกโคกมะตูม
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่หลบหนี ก่อนได้รับแจ้งจาก ด.ต.ภูวนาท มังสา และ จ.ส.ต.อำนาจ เรือนสวัสดิ์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองพิษณุโลก ปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ว่าพบคนร้ายขับรถจักรยายนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นเวฟดีดำ หมายเลขทะเบียน กลค-711 พิษณุโลกหลบหนีมาทางสถานีรถไฟ และได้ไล่ติดตามทำให้รถคนร้ายและสกัดจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือนายสมเกียรติ บุญมี อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำ จำนวน 5 เส้น ที่ซุกซ่อนไว้ในกางเกง ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายพกไปด้วยนั้นคนร้ายได้โยนทิ้งไว้ข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดพบว่าเป็นอาวุธปืนปลอมจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายสมเกียรติ คนร้ายรายนี้เปิดเผยว่า ตนเองประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งแรก รายได้เพียงวันละไม่กี่ร้อยบาทและต้องมีภาระต้องส่งเสียแฟนสาวที่กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเกิดความเครียดเรื่องปัญหาเรื่องเงิน ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ดื่มสุราจนเมาได้ที่ จึงได้ยืมรถจักรยานยนต์แฟนสาวมาไปซื้ออาวุธปืนปลอมมาในราคา 45 บาทจากร้านขายของชำ จากนั้นได้ขับรถมาจอดหน้าห้างสรรพสินค้าและเดินเข้าไปในห้างเมื่อถึงร้านทองได้กระโดดเข้าไปในเคาท์เตอร์และเปิดตู้กระจกคว้าสร้อยทองหลบหนี ส่วนอาวุธปืนปลอมนั้นยังไมได้นำออกมาใช้และโดยทิ้งระหว่างการหลบหนี จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ในที่สุด
ขณะที่ด.ต.ภูวนาท มังสา เจ้าหน้าที่สายตรวจที่จับกุมได้ เล่าว่า ขณะตนเองได้ยินวิทยุว่ามีคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทอง กำลังหนีมาทางถนนวงเวียนรถไฟ ตนจึงได้สังเกตรถต้องสงสัย และก็เห็นคนร้ายที่ขับขี่รถมาด้วยความเร็วจึงบอกให้จอด แต่คนร้ายได้ขับขี่รถหลบหนีด้วยความเร็ว แต่สุดท้ายรถคนร้ายได้ล้มลงและวิ่งหนีตนอีก ตนจึงได้วิ่งได้จับตัวได้ในที่สุด และพบว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นคนร้ายชิงทองจริง มีได้ซุกซ่อนทองไว้ที่กางเกงในดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมเข้มตามร้านทองต่างๆในจังหวัดพิษณุโลก อย่างเข้มงวด มีหากมีเหตุการณ์ชิงทอง เจ้าหน้าที่ก็จะต้องตั้งจุดสกัดจับ ตามถนนสายสำคัญในเมืองพิษณุโลก และเหตุการณ์นี้ด้วยมาตรการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝึกมาบ่อยครั้งจึงได้จับตัวคนร้ายได้ในที่สุด
สำหรับร้านทองเยาวราชกรุงเทพแห่งนี้ เคยถูกคนร้ายใช้ใช้ปืนปลอมก่อเหตุจี้ชิงทองครั้งหนึ่ง คนร้ายได้ทองไป 17 เส้น เมื่อ 9 พฤษภาคม 2556 และตำรวจก็สามารถตามจับคนร้ายได้ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2556