ผมได้กลับไปบ้านนา บ้านเรา อีกครั้งเป็นประจำทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อไปดูแลบ้านเกิด และเที่ยวหาน้องสาวและแม่ ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ อยู่บ้านของเรา ซึ่งในช่วงนี้ข้าวที่นา กำลังออกรวง อีกประมาณ 1 เดือนก็จะสามารถเก็บเกี่ยวขายข้าวได้อีก 1 รอบฤดูกาล แต่ระหว่างรอข้าวเก็บเกี่ยวนั้น ที่บ้านนา บ้านเรา ไม่เคยว่างเว้นมีงาน และเงินเข้ากระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ
ผมกลับบ้านไปในครั้งนี้ ลุงแลและป้าเรือน ถึงเวลาเก็บเกี่ยวข้าวโพดฟักแก่ เพื่อไปขายให้กับจุดรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ช่วงระหว่างรอการเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งครอบครัวลุงแลและป้าเรือน จะขยันมา ได้แบ่งเนื้อที่จากการทำนา เหลือไว้ประมาณ 3 ไร่เศษ เอาไว้ปลูกข้าวโพดกินและขาย โดยเฉพาะข้าวโพดฟักแก่ ขายแบบฟัก สร้างรายได้ มีเงินไม่ขาดมือกันทีเดียว ถึงแม้ว่าราคาข้าวโพดในปีนี้จะไม่ค่อยดีเหมือนปีที่ผ่านมา คือ ราคากิโลกรัมละ 3-4 บาทเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ดี เนื่องจากครอบครัวลุงแล และป้าเรือน ได้ลุงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ปลูกข้าวโพด เพียง1,500 บาทเท่านั้น จากนั้นก็แลแค่ช่วงแรกๆ เพื่อให้ข้าวโพดงาม จากนั้นไม่เท่านั้นก็รอข้าวโพดเป็นฟัก และแก่ เก็บเกี่ยวขาย
สำหรับครอบครัวลุงแลและป้าเรือน ไม่ค่อยได้จ้างผู้อื่นมาหักข้าวโพดที่ไร่ อาศัยตามพี่และน้อง และหมั่นเก็บเกี่ยวด้วยตนเอง ในเนื้อที่ 3 ไร่เศษ ก็ใช้เวลาเพียง 2 วันก็จะหักหมดไร่แล้ว แต่ก็จะอาศัยให้พี่น้องและหลานๆ มาช่วยปลอกข้าวโพด และจ้างบ้างแค่เพียงกระสอบป่านละ 30 บาท เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นค่าขนมนมเนย นั้นแหละครับ และช่วงการปอกข้าวโพดใส่กระสอบนั้น ก็จะมีเรื่องคุยกันสวนเสเฮฮา อย่างสนุกสนาน แบบบ้านเรา ซึ่งหลังเก็บเกี่ยวข้าวโพดครั้งนั้นครอบครัวลุงแล ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ทีเดียว ซึ่งถือว่ามีรายได้ไม่น้อยนะครับ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตอยู่ของบ้านเรา ที่วันๆๆ แทบไม่ต้องใช้เงินใช้ทองจ่ายอะไรเลย มีผลหมากรากไม้ พืชผักให้กินกันไม่เว้นวัน
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ผมอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่าน ได้ทราบถึงความสุขที่มีอยู่ทุกแห่ง ทุกที่ ที่เราสัมผัสได้ หากเรามีความพอเพียงและมีความสุขกับงานที่เราทำ และกิจกรรมที่เราสร้างไว้ ผลลัพธ์ ก็จะออกมาดี หากเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำและใส่ใจกับสิ่งนั้น
/////