เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 ก.ค. ร.ต.ท.สุขเสริม พันธุ์เขียว ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งจาก นายชัยชนะ บุญสิงห์ กำนัน ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก ว่าตนเองพร้อมกับชาวบ้านได้ช่วยกันจับคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดยาง และร้านค้าที่อยู่ข้างวัด ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก ได้ผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ ด.ช.แม๊ก (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก พร้อมของกลางบุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 3 ซอง เงินสดจำนวน 67 บาท พระพุทธรูปหน้าตัก 3 นิ้วจำนวน 2 องค์ พระเครื่องและตะกรุด ประมาณ 100 องค์
จากการสอบสวนน.ส.ฉัตรธิดา แพนนิยม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/1 หมู่ 1 ต.บ้านคลอง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองเปิดเป็นร้านขายของชำเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืนทำให้ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติ จนกระทั่งรุ่งเช้าวันนี้ พบกระเบื้องหลังคาหลังบ้านถูกคนร้ายเปิดออกและเข้ามาลักทรัพย์สินในบ้านพัก มีเงินสดที่ใช้ทอนลูกค้าประมาณ 300 บาท บุหรี่ยี่ห้อต่างประเทศ 6 ซอง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งกำนัน ต.บ้านคลอง
ส่วนพระมานิตย์ สิริวณโณ อายุ 40 ปี พระลูกวัดยาง ที่ถูกคนร้ายงัดกุฏิวัดได้พระเครื่อง กล่าวว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองได้ออกไปบิณฑบาต และกลับมาฉันเช้าที่ศาลาการเปรียญและกลับเข้ามาที่กุฏิพบว่าหน้าต่างกุฏิถูกคนร้ายงัดออกและรื้อค้นทรัพย์สิน ตรวจสอบพบว่าพระพุทธรูปภายห้องหายไป 2 องค์และพระเครื่องอื่นอีกกว่า 100 องค์ จนกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้คือ ด.ช.เอ (นามสมมติ) พร้อมของกลางจำนวนหนึ่ง และมีพระเครื่องหายไปอีกหลายรายการ สำหรับด.ช.เอ (นามสมมติ) ชอบมาวิ่งเล่นแถวลานวัดเป็นประจำตนเองก็เคยให้ตังไปซื้อขนมกินหลายครั้งไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะมีพฤติกรรมดังกล่าว
จากการสอบสวน ด.ช.เอ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้ก่อเหตุลักทรัพย์ที่ร้านค้าและกุฏิพระในวัดยางมีมานะจริง ส่วนของกลางที่ได้มา บุหรี่ก็นำไปสูบกับเพื่อนรุ่นหมดไปแล้ว 3 ซอง แล้วนำไปขายให้กับร้านค้าแถวหน้าวิทยาลัยสารพัดช่างจำนวน 3 ซองได้เงินมาจำนวน 120 บาท ส่วนพระเครื่องให้เพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อว่าโอ๋ ไปส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็นำไปขายได้เงินมาจำนวน 400 บาท และก็จะนำเที่ยวและเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์แต่มาถูกเจ้าหน้าทีจับกุมเสียก่อน ทางด้าน นางสวย(นามสมุติ) อายุ 39 ปี มารดาของผู้ต้องหาให้การว่า ลูกชายหลังเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 ก็ไม่ได้เรียนต่อ และพฤติกรามลักเล็กขโมยน้อยมานานแล้วซึ่งตนเองก็ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง บางครั้งไปขโมยของเพื่อนบ้าน เค้ามาแจ้งให้เราทราบ เค้าก็ไม่เอาเรื่องเพราะว่าเห็นเป็นเด็กอยากให้กลับตัวสำนึกผิด แต่ลูกชายของตนเองก็ไม่เลิกนิสัยดังกล่าวจนกระทั่งเมื่อปี 2554 ลูกชายได้ไปลักเงินของเพื่อนบ้านจำนวน 50 บาท แต่เค้าไม่เอาเรื่อง แต่ด้วยความที่ตนเองอยากให้ลูกเลิกพฤติกรามดังกล่าว จึงได้นำตัวลูกชายไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยดำเนินคดี สุดท้ายลูกชายถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่ในสถานพินิจคุ้มครองเด็ก และเยาวชน เป็นเวลา 9 เดือน และถูกควบคุมความประพฤติอีก 2 ปี ต้องไปรายงานตัว ทุก 4 เดือน แต่ลูกชายไม่เคยไปรายงานตัวเลยและมาก่อเหตุลักทรัพย์จนถูกจับกุมได้ในที่สุด
/////