นายมานิตย์ ศิริวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการการกลั่นกรองและพิจารณาแผนการดำเนินงานในพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า 2546ได้ เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน ในการประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าพิษณุโลก เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจต่อคนพิษณุโลก ที่ ม.ราชภัฎพิบูลสงคราม อ.เมือง จ.พิษณุโลกวานนี้ (1 ก.ค.56)
นางเปรมฤดี ชามพูนท อดีตนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ เขียนวงแนวกำแพงเมืองเก่าในเขตตัวเมืองพิษณุโลก ครอบคลุมอาณาเขตย่านเศรษฐกิจใจกลางตัวเมืองสร้างความสับสนและตระหนกกระแสข่าวแนวเวนคืนที่ดินเพื่อการอนุรักษ์กำแพงเมืองเก่า ในฐานะผู้นำท้องถิ่นอยากหน่วยงานอนุรักษ์จำกัดขอบเขตให้ชัดเจนและกำหนดจุดๆไปเฉพาะ ไม่ควรครอบคลุมทั้งเมืองพิษณุโลก 
นายมานิตย์ ศิริวรรณ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯเมืองเก่า ก่อตั้งโดยสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น (2546) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรมศิลปกรหรือกรมธนารักษ์ ปี 2550ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าพิษณุโลกขึ้นมา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีจ่าสิบเอกทวี บูรณเขตต์เป็นอนุกรรมการที่ปรึกษาพร้อมกับมี ผู้นำท้องถิ่นอาทิ อบจ.,เทศบาล.,หอการค้า.,นักวิชาการเป็นอนุกรรมการ ที่ผ่านมาถือว่า เสียโอกาส เพราะผู้ว่าฯสมัยนั้นได้มีคำสั่งให้ชะลอการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ทำให้ปัจจุบัน มี 10 จังหวัดของประเทศไทย เช่น ลำพูน น่าน ได้ขอขึ้นทะเบียนเมืองโบราณเพื่อเป็นมรดกโลก หวังเป็นจุดขายแก่นักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับเมืองลี่เจียงประเทศจีน
ดังนั้นคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า 2546 จึงได้กลับมาทำประชาพิจารณ์ที่พิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อขอแสดงความคิดเห็นกับโครงการดังกล่าว เพราะถือว่า เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เมื่อผ่านความเห็นชอบแล้ว คณะอนุกรรมการซึ่งเป็นคนพิษณุโลกแท้ๆ จะต้องกลับไปจัดทำแผนแม่บทว่า ด้วยการใช้ที่ดินอย่างไร ลักษณะรูปร่างอาคารสถาปัตยกรรมจะออกมาลักษณะเช่นใด ท้องถิ่นหรือ อปท. ก็จะไปออกเทศบัญญัติ บังคับใช้ เพื่อกำหนดทิศทางแนวทางพัฒนาเมืองเก่าเมืองพิษณุโลกต่อไปในอนาคต ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นและคงไม่มีหน่วยงานรัฐใด ออกไปเวนคืนอาคาร ที่ดินปัจจุบันเพื่อมาพัฒนาเป็นเมืองเก่า 