วัดป่าขันติบารมีสาขา 89 หลวงปู่เณรคำถูกทิ้งร้าง

DSC_0720เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 56 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ ในพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก หลังทราบว่ามี วัดป่าขันติบารมี ซึ่งเป็นวัดสาขาของหลวงปู่เณรคำ สาขาที่ 89  ระยะทางที่ต้องเดินทางไปกว่า 100 กิโลเมตร จากตัวเมืองพิษณุโลก โดยผ่านตัว อ.วัดโบสถ์  เข้าไปทางบ้านนาขาม ไปทาง ต.บ้านยาง  หลังพ้นหมู่บ้านเป็นทางลูกรังตลอดสาย ทั้งหลุมบ่อนำท่วมขัง เนื่องจากฟ้าตก  หลังสุดทางจุเป็นเส้นทางขึ้นภูเขาสูงชัน  มีการเทคอนกรีตเอาไว้ช่วงหนึ่งยาวประมาณ 50 เมตร  โดยรถยนต์ต้องใช้เกียร์ 1 วิ่งขึ้นตลอดเวลา  ซึ่งตลอดเส้นทางลูกรังจะเป็นเส้นทางโค้งกว่า 70 โค้ง วิ่งอยู่บนสันเขาสูง ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พอสอบถามชาวบ้าน บางคนก็รู้จัก แต่มีหลายคนไม่รู้จักDSC_0726  กระทั่งเดินทางไปถึงบริเวณวัดป่าขันติบารมี  ซึ่งไปสร้างอยู่บนยอดเขาสูงมองจากถนนด้านล่างไม่เห็น DSC_0729เนื่องจากมีต้นไม้ปิดบัง และอยู่ในที่ลับลับตาคน หากไม่สอบถามชาวบ้านจะไม่ทราบว่าตัววัดตั้งอยู่จุดไหน เพราะเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ เวลาเดินทางกลับต้องใช้เส้นทางไป ต.แก่งโสภา อ.วังทอง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไกลออกไปอีก 20-30 กิโลเมตร เนื่องจากเส้นทางเดิมฝนตกหนักทางภูเขาลาดชัน เกรงจะเกิดอันตราย  ใช้เวลาเดินทางกลับอีกร่วม 2 ชั่วโมง

 

จากสภาพที่พบเห็นบริเวณวัดป่าขันติบารมี ไม่พบพระภิกษุแม้แต่รูปเดียว จึงได้เดินตรวจสอบบริเวณพื้นที่ มีกุฏิพระ จำนวน 5 หลัง สภาพยังใหม่  ตั้งเรียงรายอยู่แนวเดียวกัน  และมีโครงสร้างศาลาทิ้งเอาไว้ 1 โครงสร้างกลางบริเวณวัด และมีการสร้างห้องน้ำเอาไว้ จำนวน 8 ห้อง  และสร้างแท็งค์ปูนซีเมนต์เก็บน้ำเอาไว้ จำนวน 2 แท็งค์ มีความสูงกว่า 5 เมตร  และยังมีแทงค์ไฟเบอร์เก็บน้ำฝน ขนาดบรรจุน้ำ 2,000 ลิตร จำนวน 2 ใบ ที่ตัวหนังสือ เป็นแทงค์น้ำ โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประจำปี 2551 จ.พิษณุโลก เลขที่ 0381/2551 และเลขที่ 0346/2551DSC_0698  DSC_0691นอกจากนั้นยังพบด้านข้าง มีการสร้างอาคารไว้ 1 หลัง คาดว่าน่าจะใช้เป็นโรงครัวแต่ปัจจุบันเป็นที่เก็บอุปกรณ์การก่อสร้าง พร้อมข้าวของเครื่องใช้ของวัดจำนวนมาก ในพื้นที่ยังก่ออิฐกองทรายกองอิฐจำนวนมากองทิ้งเอาไว้ และโม่ผสมปูน จอดทิ้งเอาไว้

 

จากการตรวจสอบ พบว่ากุฏิบางหลังมีการใส่กุญแจล็อกประตูเอาไว้ แต่บางหลังใช้เส้นเหล็กคล้องตัวยูปิดประตูเฉยๆ จึงได้เปิดตรวจสอบ พบว่าบางกุฏิมีเพียงเตียงนอน และโต๊ะหมู่บูชาและมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ บางกุฏิมีการเก็บสิ่งเครื่องใช้ อาทิหม้อ เสื่อ อุปกรณ์เครื่องครัว และสิ่งของจำพวกอาหารแห้ง ทั้งบะหมี่มาม่า ไวไว นมกล่อง ผ้าอาสนะปูนั่ง ป้ายผู้บริจาคเงิน และสิ่งของวัดจำนวนมาก  นอกจากนั้นยังพบป้ายไวนิล จำนวน 2 แผ่น เป็นรูปหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก โดยมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ โดยเป็นลูกศรชี้ศูนย์ปฏิบัติธรรมขันติบารมี บ้านแก่งเจ็ดแคว ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นป้ายบอกทาง ที่ทำขึ้นในวันเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมขันติบารมีDSC_0704

จากการสำรวจ พบว่าในพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมขันติบารมี สาขา 89 ของหลวงปู่เณรคำ มีการเดินระบบไฟฟ้าเอาไว้เรียบร้อยทั้งกุฏิ 5 หลัง และห้องน้ำ 8 ห้อง และมีการเดินระบบน้ำใช้เอาไว้เรียบร้อย  ในส่วนข้าวของเครื่องใช้ของพระ พบว่ายังมีข้าวของเครื่องใช้ ทั้งแก้วน้ำ แก้วกาแฟ ถ้วยชาม กระติก ปิ่นโตหลายเถา ที่วางเอาไว้ในชั้นเก็บของข้างกุฏิ สภาพเหมือนกับถูกทิ้งเอาไว้ไม่นาน และยังมีรองเท้าแตะของพระวางอยู่หน้าบันได้กุฏิ ซึ่งคาดว่าจะถูกทิ้งร้างไม่นานDSC_0716

นางจรัล สวนสอน  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.11 กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวมีคนยกให้กับหลวงปู่เณรคำ เพื่อทำศูนย์ปฏิบัติธรรม  ซึ่งมีพิธีเปิดศูนย์ในวันที่ 18 ธ.ค. 55  โดยหลวงปู่เณรคำเดินทางมาถึงช่วงค่ำของวันที่ 17 ธ.ค. 55 มีรถนำขบวน และในเช้าวันที่ 18 ธ.ค. ได้ประกอบพิธีก่อนเพล เสร็จประมาร 13.00 น. ซึ่งมีผู้มาร่วมงานนับพันคน แต่ส่วนมากเป็นคนที่อื่น คนพื้นที่มีน้อยเพราะไม่ค่อยรู้จัก และหลวงปู่เณรคำพักต่ออีก 1 คืน ก่อนจะเดินทางกลับ สำหรับการเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรมครั้งนี้ มีภรรยาเสธหนั่น (พล.ต.สนั่น) มาร่วมงานด้วย

DSC_0668

ต่อมาผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ที่จะให้ข้อมูล กระทั่งสามารถติดต่อนายแก้ว  สมพงษ์ อายุ  60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.11 บ้านยาง ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เดิมตนเป็นคน อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร  ได้ย้ายมาอยู่ที่นี้กว่า 30 ปี แล้ว  สาเหตุที่หลวงปู่เณรคำมาสร้างวัดหรือศูนย์ปฏิบัติที่นี้ เพราะเคยไปนมัสการที่วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีษะเกษ เกิดศรัทธาจึงได้มอบเนื้อที่ให้ จำนวน 3 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดิน สปก. เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมดังกล่าวDSC_0677

นายแก้ว กล่าวอีกว่า ในละแวกใกล้เคียงจะมีบ้านเรือนประมาณ 20 กว่าหลัง แต่อยู่ห่างกันมากคนละจุด ตอนที่หลวงปู่เณรคำมาเปิดศูนย์ปฏิบัติธรรม มีผู้คนจำนวนมาก ส่วนมากเป็นคนที่อื่น จาก จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และทางภาคอีสาน จ.ศรีษะเกษ ช่วงนั้นจะมีพระสงฆ์จำวัดอยู่ประมาร 7-8 รูป โดยศูนย์ปฏิบัติธรรมขันติบารมียังไม่มีไฟฟ้าใช้  ต่อมาเหลือพระสงฆ์อยู่เพียง 2 รูป และไม่นานมานี้พระสงฆ์ได้ย้ายกันกลับไปอยู่ที่วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีษะเกษกันหมด จึงทำให้ไม่มีพระอยู่วัดประจำ ทางชาวบ้านในละแวกต้องคอยดูแลวัดป่าขันติบารมีกันเอง ส่วนชาวบ้านจะใช้แผงโซลาเซล เพราะไฟฟ้ายังไม่มาถึงเช่นกัน

 

แสดงความคิดเห็น