วันที่ 11 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากชาวบ้าน ตำบลวังกุลว่า มีฤาษีหนุ่มมาปฏิบัติดูแลแม่วัยชรา ที่บ้านพักเลขที่ 98 ม.13 บ.ดงพวง ต.วังพิกุล อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นบ้านไม้ยกสูง สภาพเก่าหลังคาผุพัง โดยบนบ้านพบ ชายแต่งกายเป็นฤาษี สวมเสื้อผ้าคล้ายพระลายเสือ ตามร่างกายมีรอยสักยันต์ทั่วตัว ที่คอแขวนพระเครื่องรางเต็มคอ กำลังเก็บกวาดบ้าน อยู่ชั้นบน และพบมีหญิงชรานอนอยู่บนที่นอน เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวมาจึงเดินออกมาสอบถามเมื่อทราบวัตถุประสงค์ จึงได้ออกมานั่งพูดคุยด้วย
โดยฤาษีตนดังกล่าวเปิดเผยว่า ชื่อ นายจำลอง กรรมมณี อายุ 48 ปี และอีกชื่อ ที่ลูกศิษย์เรียกคือ” หลวงปู่ฤาษีลายดาบส” ปัจจุบันอายุ 48 ปี ส่วนหญิงชราที่นอนป่วยอยู่คือ มารดา ชื่อนางโหลย กรรมมณี อายุ 85 ปี ซึ่งมีอาการป่วย เป็นโรคความดันโลหิตสูง และมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคกระดูก เดินไม่ไหว ต้องอาศัยนอนอยู่บนที่นอน โดยมี นายจำลอง หรือ ฤาษีลายดาบส เป็นผู้คอยดูแล หุงหาอาหารป้อนข้าวป้อนน้ำ ให้กับนางโหลย ผู้เป็นมารดาอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเก็บกวาดบ้าน จนเป็นระเบียบเรียบร้อย
ในทุกๆเช้านายจำลอง ฤาษีลายดาบส ก็ต้องลุกแต่เช้าหุงข้าวทำกับข้าว ป้อนข้าวเก็บกวาด บ้าน พาแม่อาบน้ำปฏิบัติอย่างนี้มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็จะปฏิบัติธรรม โดยอาศัยบนบ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งก็มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาดูและให้ช่วยตรวจดวงชะตาบ้าง ซึ่งก็พอทำได้ตามตำราวิชาที่ร่ำเรียนมา
นายจำลอง ฤาษีลายดาบส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนบวชเป็นพระเมื่อปี 2534 หลังจากนั้นก็ศึกษาพระธรรมวินัยมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปี 2535 ได้สึกออกมา และออกบวชเป็นพราห์มเพราะมีใจรักศึกษาด้านพิธีกรรมต่างๆจนกระทั่ง ปี 2547 ได้ออกบวชเป็นฤาษี และออกธุดงค์ ไปตามสถานที่ต่างๆโดยอาศัยอยู่ตามถ้ำและเขาต่างๆ ทั้งในเขตประเทศไทยและฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งล่าสุดเมื่อปี 2555 มารดาได้ล้มป่วยและอยู่อาศัยตามลำพัง โดยมีพี่ชายแวะเวียนมาบ้างเป็นบางครั้ง จึงรู้สึกเป็นห่วงมารดา จึงได้ละออกจากป่า เดินทางมาเฝ้าดูแลแม่อย่างใกล้ชิด พร้อมกับช่วงแรกๆ ก็จะพาแม่ไปปฏิบัติธรรมตามถ้ำต่างๆด้วย แต่ด้วยแม่ชราภาพจึงไม่สะดวก เลยพากลับมาอยู่ที่บ้าน และเฝ้าปฏิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด ในช่วงบั้นปลายชีวิตของแม่
นายจำลอง ฤาษีลายดาบส ยังกล่าวต่ออีกว่าชีวิตนี้ถึงแม้นจะอยู่สถานะของฤาษี แต่ความรับผิดชอบต่อมารดาก็สมควรต้องพึงปฏิบัติท่านเมื่อยามชรา เพราะท่านคือพระใหญ่ในบ้านและในใจเรา ซึ่งที่ผ่านมามักมีคนมองว่าเราเป็นคนบ้า แต่ก็ไม่เคยถือสาใครถึง แม้คนที่พบเห็นจะมองเราเป็นคนบ้า ซึ่งปัจจุบันไม่มีรายได้ มีเพียงเบี้ยยังชีพของแม่เดือนละ 800 บาท ที่นำมาหมุนเวียนซื้อข้าวสาร ส่วนผักก็หาเก็บหาปลูกตามรั้วข้างบ้าน ก็พออยู่ได้ซึ่งหากวันใดแม่ลาจากไปตนก็จะกลับไปปฏิบัติธรรมในป่าตามเดิมต่อไป.