วันที่ 9 มิถุนายน 2556 ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะกรรมการหอการค้าไทย ได้เดินทางมาเยี่ยมเยือนและมอบนโยบายให้กับหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก หลังเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ ว่า จะสานต่อการทำงานของคณะกรรมการหอการค้าไทย ชุดเก่า โดยจะเน้นการสร้างศักยภาพและการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นจึงมาร่วมระดมแนวความคิดหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความเข้มแข็ง มีองค์ความรู้ มีประสิทธิภาพ คือ เป็นสถาบันหลักทางธุรกิจที่มีองค์ความรู้ มีเครือข่าย และความร่วมมือที่เข้มแข็งที่สุดของประเทศ ให้ประเทศไทย มีศักยภาพและแสวงหาโอกาส ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน
นอกจากทางสภาหอการค้าไทย ได้รับการอนุมัติงบประมาณ 3 ปี 300 ล้านบาท จัดโครงการโปรแอคทีฟ เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถของบประมาณไปศึกษาดูงาน จัดงาแสดงสินค้า หรือเจรจาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นนโยบายในการส่งเสริมผู้ประกอบการในทุกจังหวัดทั่วประเทศเจาะตลาดต่างประเทศก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 นี้ และโครงการนี้เป็น 1 ใน 200 โครงการที่รัฐบาลสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นการส่งออกสินค้าของประเทศไทยออกสู่ตลาดโลกให้มากขึ้น โดยแนะให้หอการค้าจังหวัดพิษณุโลกรวมกลุ่มนักธุรกิจ 10-20 คน ไปดูงานธุรกิจต่างประเทศมีงบประมาณสนับสนุนจำนวน 1 ล้านบาท/โครงการ หรือรายละ ไม่เกิน 2 แสนบาท ค่าออแกรนด์ไนน์อีก 5 หมื่นบาท นอกเหนือจากการกลั่นกรอง SMEsที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้ธุรกิจขยายตัว
ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลกถือว่ามีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวได้ไม่เฉพาะต้องเป็นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวหรือการเข้ามารักษาสุขภาพ จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ซึ่งวันนี้ก็ได้มาพบปะหารือกับคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งทราบว่าที่ผ่านมายังมีปัญหาเรื่องการข้ามแดน ซึ่งเรื่องนี้ทางหอการค้าไทยจะนำเข้าประชุมใน ครม.ในเรื่องพลาสปอร์ตข้ามแดน เพราะที่ด้านแม่สอดยังมีปัญหาในเรื่องไม่สามารถใช้พลาสปอร์ตสากลข้ามแดนได้ นอกจากเรื่องที่จะประชุมในครม.เรื่องการพัฒนาระบบคมนาคมด้านการท่องเที่ยวที่ทางกลุ่มจังหวัด กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์และสุโขทัย เสนอ และเรื่องการพัฒนาจังหวัดในภาคเหนือตอนล่างเป็นแหล่งพัฒนาเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบ อย่างข้าว มันสำปะหลัง ให้มูลค่ามากขึ้น
นายสิงห์ พงษ์สุทธิ์ กรรมการหอการค้าจังหวัดพิษณุโลก และสภาอุตสาหกรรม จ.พิษณุโลกกล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจการแข่งขัน ค้าแรงขั้นต่ำ วัตถุดิบแพง ผู้ประกอบการไม่สามารถอยู่ได้ ที่ผ่านมา การช่วยเหลือของรัฐไม่ครบวงจร มีการดึงมหาวิทยาลัยมาทำโครงการฯศึกษาแบบสุ่มสี่สุ่มหก ไม่ได้มองว่าทำสำเร็จได้หรือไม่ต้องการเพียงเพื่อให้ได้ใช้งบประมาณ จึงของฝากทางหอการค้าไทย ช่วยกระตุ้นเพื่อให้การใช้งบปะมาณเต็มประสิทธิภาพ นอกจานี้ขอให้เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า ภาพรวมของประเทศโดยมองการใช้พื้นที่ดอนเมืองเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้กับผู้ประกอบการไทย
ขณะที่ นายวิโรจน์ จิรัฐติกาลโชติ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้า จ.พิษณุโลก ต้องการผลักดัน จ.พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า โลจิสติกส์ และต้องการให้ จ.พิษณุโลก เป็นศูนย์ในการรักษาพยาบาล แต่การมารักษาตัวของผู้ป่วยจากต่างประเทศเช่น พม่า ยังมีปัญหาพาสปอร์ตชายแดน การที่จะทำให้พิษณุโลกก้าวสู่ศูนย์กลางของการรักษาพยาบาล (เมดิคัลฮับ) นั้น หรือการทำทัวร์ลิสซึม จากต้องทำพาสสปอร์ตเป็นแบบสากล ส่วนการไปลงทุนในต่างประเทศ จากการสอบถามสมาชิก ยังไม่มีความพร้อม
นางนุจรินทร์ ศรีทองพนาบูรณ์ ประธานหอการค้า จ.พิษณุโลก กล่าวว่า ทางหอการค้าจ .พิษณุโลก ได้มีการประชุมหารือ พร้อมพัฒนาศักยภาพของสมาชิกหอการค้าให้มีความเข้มแข็งก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยในช่วงนี้ได้ให้ข้อมูลข่าวสารสมาชิกผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค พร้อมกับพาสมาชิกไปศึกษาดูงาน ช่องทางการลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ในประเทศพม่า เวียดนาม แต่ยังไม่ได้มองไกลไปถึงประเทศจีน เพราะศักยภาพผู้ประกอบการท้องถิ่น อาจจะยังไม่ใช่รายใหญ่มาก
หลังจากประชุมเสร็จ ในภาคบ่าย ทาง ประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะกรรมการหอการค้าไทย ได้เดินทางต่อไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.กำแพงเพชร